โปรแกรมท่องเที่ยวไปทางทิศตะวันออกของเกาะชิโกกุ
แผนการเดินทางที่สามารถสัมผัสใกล้ชิดแหล่งท่องเที่ยวที่มีทัศนียภาพชั้นเลิศที่สร้างสรรค์ผลงานขึ้นโดยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของเกาะชิโกกุได้ โดยเข้า-ออกทางสนามบินทากามัตสึ
วันที่ 1 ที่พัก ภายในเมืองโทคุชิมะ
วันที่ 2 มุโระโตะจีโอพาร์คเซนเตอร์ → หมู่บ้านคิตะงาวะ "สวนโมเน่ต์" Marmottan
วันที่ 3 เยี่ยมชมปราสาทโคจิ → สะพานฮาริมายะ→ ตลาดฮิโรเมะ→ ชายหาดคัทสึระ→ ท่องเที่ยวโอโบเคะ-อิยะ จังหวัดโทคุชิมะ
วันที่ 4 ล่องเรือสำราญชมโอโบเคะ/ท่องเที่ยวชมสะพานคาซึระแห่งแม่น้ำอิยะ →ศาลเจ้าโคโตฮิระกู→ สนามบินทากามัตสึ
วันที่ 1 ที่พัก ภายในเมืองโทคุชิมะ
วันที่ 2 มุโระโตะจีโอพาร์คเซนเตอร์ → หมู่บ้านคิตะงาวะ "สวนโมเน่ต์" Marmottan
วันที่ 3 เยี่ยมชมปราสาทโคจิ → สะพานฮาริมายะ→ ตลาดฮิโรเมะ→ ชายหาดคัทสึระ→ ท่องเที่ยวโอโบเคะ-อิยะ จังหวัดโทคุชิมะ
วันที่ 4 ล่องเรือสำราญชมโอโบเคะ/ท่องเที่ยวชมสะพานคาซึระแห่งแม่น้ำอิยะ →ศาลเจ้าโคโตฮิระกู→ สนามบินทากามัตสึ
วันที่ 1
สนามบินทากามัตสึ
รถยนต์ (ประมาณ 1.5 ชั่วโมง)
รถยนต์ (ประมาณ 1.5 ชั่วโมง)
1
วันที่ 1
ล่องเรือมิชิโอะดูน้ำวน เยี่ยมชมสะพานโอนารุโตะ / จังหวัดโทคุชิมะ
คุณสามารถชมปรากฏการณ์น้ำวนที่น่าเกรงขามในช่องแคบนารุโตะนี้ได้จากหลายสถานที่ด้วยกัน หนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้นก็คือหอสังเกตการณ์ที่สร้างอยู่ใต้สะพานนารุโตะ ที่ให้คุณได้เห็นภาพหลายมุมมองผ่านแผงกระจกจากที่สูง 45 เมตรเหนือทะเล สำหรับมุมมองน้ำวนอย่างใกล้ชิด ทำไมไม่ลองนั่งเรือท่องเที่ยวที่มีประจำสักลำดูล่ะ?
รถยนต์ (ประมาณ 40 นาที)
2
วันที่ 1
ที่พัก ภายในเมืองโทคุชิมะ
ภาพถ่ายที่พักเป็นภาพ
วันที่ 2
รถยนต์ (ประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
3
วันที่ 2
มุโระโตะเซไกจีโอพาร์คเซนเตอร์
คาบสมุทรมุโระโตะนั้นยังเกิดกระบวนการทางธรรมชาติด้านธรณีวิทยาอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นบริเวณที่พื้นดินยังคงยกตัวจากการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลกที่ดันพื้นทะเลขึ้น ส่วนที่แหลมฮะเนะนั้น คุณสามารถเดินผ่านกลุ่มหินซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของพื้นทะเลและค้นพบฟอสซิลของสัตว์ทะเลดึกดำบรรพ์ได้ และเช่นเดียวกับที่แหลมมุโระโตะ ผู้มาเยี่ยมชมก็สามารถเดินท่องเที่ยวไปตามทางที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของพื้นทะเลซึ่งในปัจจุบันถูกล้อมรอบไปด้วยพืชกึ่งเขตร้อน เช่น มะเดื่อทะเล กระดาดขนาดใหญ่ และสนอุบาเมะ บริเวณนี้ยังถูกกำหนดให้เป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกในปี 2011 อีกด้วย
เพื่อให้การมาเยี่ยมชมคาบสมุทรของคุณคุ้มค่าที่สุด ขอแนะนำให้ไปที่มุโระโตะเซไกจีโอพาร์กเซนเตอร์เป็นอันดับแรก เพราะคุณจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการก่อตัวของกลุ่มหินมุโระโตะ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมผ่านการจัดแสดงและนิทรรศการต่างๆ ได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีจักรยานให้เช่า จึงทำให้ง่ายต่อการสำรวจขุมสมบัติทางธรณีวิทยานี้ได้เพิ่มเติม และยังสามารถแวะไปที่ประภาคารและวัดที่อยู่ใกล้เคียงกันได้อีกด้วย ส่วนผู้ที่ต้องการประสบการณ์ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นนั้นก็สามารถใช้บริการไกด์ทัวร์ในภาษาอังกฤษที่มีให้จองล่วงหน้าได้เช่นกัน
ค้นพบมุโระโตะอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
เพื่อให้การมาเยี่ยมชมคาบสมุทรของคุณคุ้มค่าที่สุด ขอแนะนำให้ไปที่มุโระโตะเซไกจีโอพาร์กเซนเตอร์เป็นอันดับแรก เพราะคุณจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการก่อตัวของกลุ่มหินมุโระโตะ ธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมผ่านการจัดแสดงและนิทรรศการต่างๆ ได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีจักรยานให้เช่า จึงทำให้ง่ายต่อการสำรวจขุมสมบัติทางธรณีวิทยานี้ได้เพิ่มเติม และยังสามารถแวะไปที่ประภาคารและวัดที่อยู่ใกล้เคียงกันได้อีกด้วย ส่วนผู้ที่ต้องการประสบการณ์ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นนั้นก็สามารถใช้บริการไกด์ทัวร์ในภาษาอังกฤษที่มีให้จองล่วงหน้าได้เช่นกัน
ค้นพบมุโระโตะอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
4
วันที่ 2
หมู่บ้านคิตะงาวะ "สวนโมเน่ต์" Marmottan
ณ หมู่บ้านที่ห่างไกลในชนบทของโคจิ คุณจะพบกับสวนที่ถอดแบบมาจากสวนอันเป็นที่รักของจิตรกรชาวฝรั่งเศส "โกลด โมเน่ต์" ในเมืองจิแวร์นี ประเทศฝรั่งเศส สวนซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานที่มีชื่อเสียงมากมายของเขา
"สวนมาร์โมแต็งของโมเน่ต์" ที่หมู่บ้านคิตะงาวะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน โดยมีสวนน้ำ (Mizu no Niwa) ที่มีดอกบัวหลากสีลอยอยู่บนผิวน้ำซึ่งส่องประกายระยับ ดอกไม้สดหลากหลายสายพันธุ์ที่ระบายแต่งเติมสีสันให้กับสวนดอกไม้ (Hana no Niwa) ตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงประตูโค้งและระแนงซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดฤดูกาลราวกับเป็นภาพวาดที่ไม่รู้จบ และสวนบอร์ดิเกรา (Bordighera no Niwa) ที่ราวกับหอบนำเอาบรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียนมาสู่ญี่ปุ่น
ว่ากันว่าสวนของโมเน่ต์นั้นคือพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตของพันธุ์พืชซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาเลยทีเดียว สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือจากมูลนิธิโกลด โมเน่ต์ ซึ่งได้รับการสรรค์สร้างขึ้นตามจิตวิญญาณของเขา จึงถือเป็นสวนแห่งเดียวในโลกนอกจากของโมเน่ต์เองที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อของเขาได้
หยุดพักที่คาเฟ่หรือเบเกอรี่หลังการชมสวนและเพลิดเพลินไปกับวัตถุดิบสดใหม่ของท้องถิ่น เดินชมเรือนเพาะและเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์พืชต่าง ๆ ในสวน หรือจะแวะชมร้านของที่ระลึกสำหรับสินค้าดีไซน์โมเน่ต์แบบพิเศษเฉพาะของร้านก็ได้เช่นกัน
"สวนมาร์โมแต็งของโมเน่ต์" ที่หมู่บ้านคิตะงาวะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน โดยมีสวนน้ำ (Mizu no Niwa) ที่มีดอกบัวหลากสีลอยอยู่บนผิวน้ำซึ่งส่องประกายระยับ ดอกไม้สดหลากหลายสายพันธุ์ที่ระบายแต่งเติมสีสันให้กับสวนดอกไม้ (Hana no Niwa) ตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงประตูโค้งและระแนงซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดฤดูกาลราวกับเป็นภาพวาดที่ไม่รู้จบ และสวนบอร์ดิเกรา (Bordighera no Niwa) ที่ราวกับหอบนำเอาบรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียนมาสู่ญี่ปุ่น
ว่ากันว่าสวนของโมเน่ต์นั้นคือพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตของพันธุ์พืชซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขาเลยทีเดียว สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยความร่วมมือจากมูลนิธิโกลด โมเน่ต์ ซึ่งได้รับการสรรค์สร้างขึ้นตามจิตวิญญาณของเขา จึงถือเป็นสวนแห่งเดียวในโลกนอกจากของโมเน่ต์เองที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อของเขาได้
หยุดพักที่คาเฟ่หรือเบเกอรี่หลังการชมสวนและเพลิดเพลินไปกับวัตถุดิบสดใหม่ของท้องถิ่น เดินชมเรือนเพาะและเรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์พืชต่าง ๆ ในสวน หรือจะแวะชมร้านของที่ระลึกสำหรับสินค้าดีไซน์โมเน่ต์แบบพิเศษเฉพาะของร้านก็ได้เช่นกัน
รถยนต์ (ประมาณ 1.5 ชั่วโมง)
5
วันที่ 2
ที่พัก ภายในเมืองโคจิ
ภาพถ่ายที่พักเป็นภาพ
วันที่ 3
สามารถเดินไปได้โดยไม่เสียเวลา
6
วันที่ 3
ปราสาทโคจิ
ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ปราสาทโคจิเป็นเพียงสถานที่แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่หอคอยปราสาทและหอกลางดั้งเดิมยังคงอยู่ หลังจากหลายร้อยปีที่รอดพ้นจากสงคราม ไฟ และภัยพิบัติอื่นๆ ปราสาทนี้คือหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมสุดท้ายของทั้งสิบสองแห่งในญี่ปุ่น และได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ คอยมองหารายละเอียดที่ซับซ้อนทั้งหมดในสถาปัตยกรรมของปราสาทดูสิ เช่น รูปปั้นของ ชาจิ สัตว์ทะเลในตำนาน (ครึ่งปลาครึ่งมังกร) ที่มองลงมายังตัวเมืองจากหลังคา
ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระทั้งหมดรอบปราสาทอายุ 400 ปีนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ดอกไม้อันบอบบางและโคมไฟที่มีสีสันนั้นช่างดูน่าทึ่งเมื่อตัดกับภาพพื้นหลังของกำแพงหินหนา และในเวลากลางคืนพื้นที่ดังกล่าวนี้จะสว่างไสวขึ้นจากการจุดดวงไฟสำหรับชมซากุระบานยามค่ำ และตัวปราสาทเองก็ส่องสว่างขึ้นดุจไฟนำทางในคืนอันมืดมิด
หลังสำรวจพื้นที่แล้ว อย่าลืมแวะมาที่พิพิธภัณฑ์สถานประวัติศาสตร์ปราสาทโคจิซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของถนน เพื่อเจาะลึกเข้าสู่อดีตของภูมิภาคผ่านสิ่งของทางประวัติศาสตร์กว่า 67,000 ชิ้นและงานศิลปะที่ถูกจัดแสดงอยู่
ปราสาทโคจิคือสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดแวะที่คุณจะต้องไม่อยากพลาดในระหว่างการมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน
พิชิตปราสาทโคจิ!
ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระทั้งหมดรอบปราสาทอายุ 400 ปีนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ดอกไม้อันบอบบางและโคมไฟที่มีสีสันนั้นช่างดูน่าทึ่งเมื่อตัดกับภาพพื้นหลังของกำแพงหินหนา และในเวลากลางคืนพื้นที่ดังกล่าวนี้จะสว่างไสวขึ้นจากการจุดดวงไฟสำหรับชมซากุระบานยามค่ำ และตัวปราสาทเองก็ส่องสว่างขึ้นดุจไฟนำทางในคืนอันมืดมิด
หลังสำรวจพื้นที่แล้ว อย่าลืมแวะมาที่พิพิธภัณฑ์สถานประวัติศาสตร์ปราสาทโคจิซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของถนน เพื่อเจาะลึกเข้าสู่อดีตของภูมิภาคผ่านสิ่งของทางประวัติศาสตร์กว่า 67,000 ชิ้นและงานศิลปะที่ถูกจัดแสดงอยู่
ปราสาทโคจิคือสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดแวะที่คุณจะต้องไม่อยากพลาดในระหว่างการมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน
พิชิตปราสาทโคจิ!
เดิน (ประมาณ 10 นาที)
7
วันที่ 3
สะพานฮาริมายะ
สะพานเล็กสีแดงชาดสดในใจกลางเมืองโคจินี้คือจุดถ่ายรูปยอดนิยม สะพานฮาริมะยะนี้ยังเป็นฉากของเรื่องราวความรักที่เป็นตำนานระหว่างพระและสาวชาวบ้าน ซึ่งได้รับการระลึกถึงมาโดยตลอดผ่านเนื้อเพลงพื้นบ้านท้องถิ่นที่ชื่อว่า โยะสะโคอิบุชิ ตำนานเล่าว่ามีผู้พบเห็นพระหนุ่มที่ชื่อว่า จุนชิน กำลังซื้อปิ่นปักผมคันซาชิสำหรับ โอมะ ที่เขารัก เธอเป็นลูกสาวของพ่อค้าซึ่งมีร้านอยู่ใกล้กับสะพานฮาริมะยะ ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบสำหรับคู่รักคู่นี้ เพราะในตอนนั้นพระถูกห้ามไม่ให้มีความสัมพันธ์หรือแต่งงาน จุนชินถูกเนรเทศเพื่อเป็นการลงโทษ และโอมะถูกส่งไปในที่ห่างไกล และคนทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณรอบๆ สะพานได้กลายเป็นสวนเดินเล่นที่น่ารื่นรมย์ พร้อมลำน้ำเล็กๆ ที่สร้างโดยมนุษย์เพื่อจำลองแม่น้ำที่เคยไหลผ่านใต้สะพานฮาริมะ ตรงข้ามถนนนั้นมีนาฬิกาที่สร้างขึ้นอย่างประณีตส่งเสียงดังทุกๆ ชั่วโมงพร้อมด้วยตุ๊กตาจักรกลที่ดูคล้ายจะเต้นไปตามเสียงของระฆัง และที่ร้านค้าใกล้เคียงหลายแห่งนั้นยังขายปิ่นปักผมคันซาชิ และของหวานที่รูปร่างเหมือนปิ่นปักผมเพื่อเป็นการรำลึกถึงตำนานโคจินี้อีกด้วย
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริเวณรอบๆ สะพานได้กลายเป็นสวนเดินเล่นที่น่ารื่นรมย์ พร้อมลำน้ำเล็กๆ ที่สร้างโดยมนุษย์เพื่อจำลองแม่น้ำที่เคยไหลผ่านใต้สะพานฮาริมะ ตรงข้ามถนนนั้นมีนาฬิกาที่สร้างขึ้นอย่างประณีตส่งเสียงดังทุกๆ ชั่วโมงพร้อมด้วยตุ๊กตาจักรกลที่ดูคล้ายจะเต้นไปตามเสียงของระฆัง และที่ร้านค้าใกล้เคียงหลายแห่งนั้นยังขายปิ่นปักผมคันซาชิ และของหวานที่รูปร่างเหมือนปิ่นปักผมเพื่อเป็นการรำลึกถึงตำนานโคจินี้อีกด้วย
เดิน (ประมาณ 10 นาที)
8
วันที่ 3
ตลาดฮิโรเมะ
"ตลาดฮิโรเมะ" เป็นแหล่งรวมอาหารเลิศรสที่ต้องแวะเมื่อมาท่องเที่ยวที่โคจิ รวมร้านค้าประมาณ 60 แห่ง อาหารสุราแสนอร่อยจากท้องถิ่น เช่น อาหารอันเป็นจิตวิญญาณของโคจิ "คัทสึโอะ โนะ ทาทาคิ" สเต็กแฟนตาซี "เนื้อวัวโทะสะอะกะอุชิ" สาเกญี่ปุ่นต่าง ๆ เช่น "สาเก 18 โคจิ" และอาหารจากต่างประเทศอย่างครบครัน ถูกตั้งชื่อว่า "ห้องครัวแห่งโคจิ"
มีที่นั่งรับประทานอาหารมากกว่า 400 ที่ เมื่อฝูงคนมารวมตัว บรรยากาศครึกครื้นอลังการทีเสมือนงานเลี้ยงขนาดใหญ่ จะทำให้เพื่อน ๆ ที่มาครั้งแรกไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี แต่จริง ๆ ก็คล้าย ๆ ก็สตรีทฟู้ดของไต้หวัน ขอให้ทำตามประเด็นต่อไปนี้ ก็สามารถเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของตลาดฮิโรเมะ
❶เลือกโต๊ะนั่งที่เหมาะสมกับจำนวนคน และจำหมายเลขโต๊ะไว้
❷เหลือ 1 คนไว้จองที่นั่ง คนที่เหลือเริ่มซื้ออาหารสุราเลิศรส
❸อาหารเครื่องดื่มที่ซื้อเสร็จแล้ว ให้นำไปรับประทานที่โต๊ะนั่ง
※อาหารบางอย่างใช้เวลานาน ร้านค้าบางร้านจะส่งอาหารไปยังหมายเลขโต๊ะที่กำหนด
❹ดื่มกันยังไม่พอ อยากได้ของหวานหลังมื้ออาหาร? ทำตามขั้นตอนซ้ำ
❺หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น จัดเก็บจานชามและตะเกียบให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะ จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะมาเก็บกวาด (โปรดทิ้งขยะไว้ที่ถังขยะ)
โต๊ะนั่งจะเป็นแบบรวมโต๊ะ มีโอกาสสูงที่จะได้ร่วมโต๊ะกับคนในท้องถิ่นหรือนักท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ เมื่อมีคนมาสนทนาด้วย โปรดแสดงออกถึงความมีน้ำใจ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมเลี้ยงแขกอันเป็นเอกลักษณ์ของโคจิ ไม่เพียงแต่สามารถสัมผัสถึงความเป็นมิตรของคนโคจิแล้ว แม้จะสื่อสารไม่ได้ ก็สามารถร่วมดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อย ชนแก้วซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนข่าวสารในการท่องเที่ยว สัมผัสวาสนาที่มหัศจรรย์ในการพบปะกัน
มีที่นั่งรับประทานอาหารมากกว่า 400 ที่ เมื่อฝูงคนมารวมตัว บรรยากาศครึกครื้นอลังการทีเสมือนงานเลี้ยงขนาดใหญ่ จะทำให้เพื่อน ๆ ที่มาครั้งแรกไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี แต่จริง ๆ ก็คล้าย ๆ ก็สตรีทฟู้ดของไต้หวัน ขอให้ทำตามประเด็นต่อไปนี้ ก็สามารถเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของตลาดฮิโรเมะ
❶เลือกโต๊ะนั่งที่เหมาะสมกับจำนวนคน และจำหมายเลขโต๊ะไว้
❷เหลือ 1 คนไว้จองที่นั่ง คนที่เหลือเริ่มซื้ออาหารสุราเลิศรส
❸อาหารเครื่องดื่มที่ซื้อเสร็จแล้ว ให้นำไปรับประทานที่โต๊ะนั่ง
※อาหารบางอย่างใช้เวลานาน ร้านค้าบางร้านจะส่งอาหารไปยังหมายเลขโต๊ะที่กำหนด
❹ดื่มกันยังไม่พอ อยากได้ของหวานหลังมื้ออาหาร? ทำตามขั้นตอนซ้ำ
❺หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น จัดเก็บจานชามและตะเกียบให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะ จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะมาเก็บกวาด (โปรดทิ้งขยะไว้ที่ถังขยะ)
โต๊ะนั่งจะเป็นแบบรวมโต๊ะ มีโอกาสสูงที่จะได้ร่วมโต๊ะกับคนในท้องถิ่นหรือนักท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ เมื่อมีคนมาสนทนาด้วย โปรดแสดงออกถึงความมีน้ำใจ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมเลี้ยงแขกอันเป็นเอกลักษณ์ของโคจิ ไม่เพียงแต่สามารถสัมผัสถึงความเป็นมิตรของคนโคจิแล้ว แม้จะสื่อสารไม่ได้ ก็สามารถร่วมดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อย ชนแก้วซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนข่าวสารในการท่องเที่ยว สัมผัสวาสนาที่มหัศจรรย์ในการพบปะกัน
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
9
วันที่ 3
คัตสึระฮามะ
คัตสึระฮามะเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่เป็นตัวแทนของจังหวัดโคจิ ตั้งอยู่ที่ชายหาดคัตสึระฮามะของอ่าวอุราโดะของเมืองโคจิ มีชายหาดรูปร่างคันธนูที่ราวกับพระจันทร์เสี้ยวอันงดงาม สามารถมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิกได้ทั้งหมด เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมในการชมจันทร์ตั้งแต่สมัยอดีต และว่ากันว่าเป็นสถานที่โปรดของ"ซากาโมโตะ เรียวมะ"นักปฏิรูปในสมัยบากูมัตสึ
ในบริเวณสวนสาธารณะคัตสึระฮามะมีรูปปั้นทองแดงขนาดใหญ่ของซากาโมโตะ เรียวมะที่สูงประมาณ 13 เมตร ลึกเข้าไปข้างในยังมี สิ่งอำนวยความสะดวกชนิดต่าง ๆ เช่น "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคัตสึระฮามะ" ที่มีประวัติอันยาวนานในจังหวัดโคจิมุ่งเน้นความใกล้ชิดกับประชาชนและใช้สำหรับรักษาสัตว์ ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ซะคะโมโตะ เรียวมะประจำจังหวัดโคจิ เป็นต้น ตั้งแต่เปิดทำการในปี พ.ศ.2523 จนถึงปัจจุบัน ได้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวที่นี่
ส่วนร้านค้าได้ปรับปรุงและยกระดับใหม่ทั้งหมดในปี พ.ศ.2565 เปิดตัวใหม่อีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ของ "ลานชมวิวแห่งทะเลคัตสึระฮามะ" ไม่เพียงมีสภาพแวดล้อมที่ใหม่ทั้งหมด รูปแบบของร้านค้าที่ประจำอยู่ในนั้นก็ไม่ซ้ำกัน ตั้งแต่ร้านของฝากพื้นเมืองที่สามารถซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับซากาโมโตะ เรียวมะและของฝากประเภทต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดโคจิ "ภัตตาคารคัตสึระฮามะ คามิ" ภัตตาคารที่มีอาหารแสนอร่อยที่ใช้วัสดุอาหารของโคจิเป็นหลัก และยังมี "ร้านโฮจิฉะริมทะเล มันเทนโนะโฮจิ สาขาคัตสึระฮามะ" ร้านโฮจิฉะไดฟุกุที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในโคจิและ "พิพิธภัณฑ์คัตสึระฮามะ" แห่งใหม่ เพื่อต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวทุกท่าน
ในบริเวณสวนสาธารณะคัตสึระฮามะมีรูปปั้นทองแดงขนาดใหญ่ของซากาโมโตะ เรียวมะที่สูงประมาณ 13 เมตร ลึกเข้าไปข้างในยังมี สิ่งอำนวยความสะดวกชนิดต่าง ๆ เช่น "พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคัตสึระฮามะ" ที่มีประวัติอันยาวนานในจังหวัดโคจิมุ่งเน้นความใกล้ชิดกับประชาชนและใช้สำหรับรักษาสัตว์ ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ซะคะโมโตะ เรียวมะประจำจังหวัดโคจิ เป็นต้น ตั้งแต่เปิดทำการในปี พ.ศ.2523 จนถึงปัจจุบัน ได้ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเที่ยวที่นี่
ส่วนร้านค้าได้ปรับปรุงและยกระดับใหม่ทั้งหมดในปี พ.ศ.2565 เปิดตัวใหม่อีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ของ "ลานชมวิวแห่งทะเลคัตสึระฮามะ" ไม่เพียงมีสภาพแวดล้อมที่ใหม่ทั้งหมด รูปแบบของร้านค้าที่ประจำอยู่ในนั้นก็ไม่ซ้ำกัน ตั้งแต่ร้านของฝากพื้นเมืองที่สามารถซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับซากาโมโตะ เรียวมะและของฝากประเภทต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดโคจิ "ภัตตาคารคัตสึระฮามะ คามิ" ภัตตาคารที่มีอาหารแสนอร่อยที่ใช้วัสดุอาหารของโคจิเป็นหลัก และยังมี "ร้านโฮจิฉะริมทะเล มันเทนโนะโฮจิ สาขาคัตสึระฮามะ" ร้านโฮจิฉะไดฟุกุที่ได้รับความนิยมอย่างยิ่งในโคจิและ "พิพิธภัณฑ์คัตสึระฮามะ" แห่งใหม่ เพื่อต้อนรับการมาเยือนของนักท่องเที่ยวทุกท่าน
รถยนต์ (ประมาณ1.5 ชั่วโมง)
10
วันที่ 3
ท่องเที่ยวโอโบเคะ-อิยะ จังหวัดโทคุชิมะ
ผิวน้ำสีเขียวมรกต หน้าหินสีขาว และหน้าผาที่ยื่นตรงขึ้นไปยังท้องฟ้าถูกแต่งแต้มสีสันด้วยสีเขียวสดในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง สามกิโลเมตรลงมาตามลำน้ำจากโอโบเคะคือสถานที่ซึ่งเรียกว่า โคะโบเคะ
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
11
วันที่ 3
ที่พัก ภายในเมืองมิโยชิ
ภาพถ่ายที่พักเป็นภาพ
วันที่ 4
12
วันที่ 4
ล่องเรือสำราญชมโอโบเคะ/ท่องเที่ยวชมสะพานคาซึระแห่งแม่น้ำอิยะ
ในสมัยโบราณคนท้องถิ่นได้สร้างสะพานเหล่านี้ขึ้นสำหรับการเดินทางประจำวันจากการใช้เถาวัลย์ที่เติบโตอย่างอิสระในภูเขา แต่ในปัจจุบันมีสะพานเถาวัลย์ไม่กี่สะพานเท่านั้นที่ยังหลงเหลือ แค่มองลงไปด้านล่างขณะข้ามก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจของผู้ที่มาเยือนตกไปอยู่ที่ตาตุ่มได้เลย ที่นี่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสะพานหนึ่งในสามประเภทที่ไม่ธรรมดาในญี่ปุ่น และได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติพื้นบ้านที่สำคัญ
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
13
วันที่ 4
ศาลเจ้าโคโตฮิระกู
สถานที่แห่งนี้คือศาลเจ้ายอดนิยมซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ คอนปิระซัง เป็นศาลเจ้าใหญ่ของศาลเจ้า “โคโตะฮิระ” หรือ “คอนปิระ” ในญี่ปุ่น และได้รับการเคารพบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะ “เทพเจ้าของท้องทะเล”
ที่นี่มีบันไดที่ยาวมาก โดยมีด้วยกัน 1,368 ขั้น บริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น คาเฟ่, บ้านน้ำชา, ร้านของที่ระลึก และร้านอาหารอุด้ง คุณยังสามารถเช่าไม้เท้าช่วยเดินแล้วออกไปเดินเล่นหรือนั่งในเกี้ยว “คะโกะ” เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะที่ถูกแบกไปรอบๆ ได้
ที่นี่มีบันไดที่ยาวมาก โดยมีด้วยกัน 1,368 ขั้น บริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น คาเฟ่, บ้านน้ำชา, ร้านของที่ระลึก และร้านอาหารอุด้ง คุณยังสามารถเช่าไม้เท้าช่วยเดินแล้วออกไปเดินเล่นหรือนั่งในเกี้ยว “คะโกะ” เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะที่ถูกแบกไปรอบๆ ได้
รถยนต์ (ประมาณ 40 นาที)
14
วันที่ 4
สนามบินทากามัตสึ
จุดหมายปลายทาง