โปรแกรมตระเวนเที่ยวบ่อน้ำพุร้อนรอบเกาะชิโกกุ
แผนการเดินทางอันหรูหราที่จะได้เพลิดเพลินกับแหล่งน้ำพุร้อนเพื่อการผ่อนคลายและแหล่งชมทัศนียภาพอันยอดเยี่ยมของเกาะชิโกกุโดยลงที่สนามบินนานาชาติคันไซ
วันที่ 1 หุบเขาโอโบะเคะกับอิยะ → บริเวณออนเซ็นอิยะ
วันที่ 2 ปราสาทโคจิ → ตลาดฮิโรเมะ → เยี่ยมชมสะพานจิงกะ → แหล่งบ่อน้ำพุร้อนอะชิซุริ
วันที่ 3 หอสังเกตุการณ์ใต้ทะเลอะชิซุริ → ชายหาดคัทสึระ→ ออนเซ็นโดโกะ
วันที่ 4 ศาลเจ้าโคโตฮิระกู → สนามบินทากามัตสึ
วันที่ 1 หุบเขาโอโบะเคะกับอิยะ → บริเวณออนเซ็นอิยะ
วันที่ 2 ปราสาทโคจิ → ตลาดฮิโรเมะ → เยี่ยมชมสะพานจิงกะ → แหล่งบ่อน้ำพุร้อนอะชิซุริ
วันที่ 3 หอสังเกตุการณ์ใต้ทะเลอะชิซุริ → ชายหาดคัทสึระ→ ออนเซ็นโดโกะ
วันที่ 4 ศาลเจ้าโคโตฮิระกู → สนามบินทากามัตสึ
วันที่ 1
สนามบินนานาชาติคันไซ
รถยนต์ (ประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
ภายในเมืองโทคุชิมะ
รถยนต์ (ประมาณ 2 ชั่วโมง)
รถยนต์ (ประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
ภายในเมืองโทคุชิมะ
รถยนต์ (ประมาณ 2 ชั่วโมง)
1
วันที่ 1
ท่องเที่ยวโอโบเคะ-อิยะ จังหวัดโทคุชิมะ
ผิวน้ำสีเขียวมรกต หน้าหินสีขาว และหน้าผาที่ยื่นตรงขึ้นไปยังท้องฟ้าถูกแต่งแต้มสีสันด้วยสีเขียวสดในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง สามกิโลเมตรลงมาตามลำน้ำจากโอโบเคะคือสถานที่ซึ่งเรียกว่า โคะโบเคะ
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
2
วันที่ 1
ที่พัก บ่อน้ำพุร้อนอิยะในเมืองมิโยชิ จังหวัดโทคุชิมะ
ภาพถ่ายที่พักเป็นภาพ
วันที่ 2
รถยนต์ (ประมาณ 1.5 ชั่วโมง)
ภายในเมืองโคจิ
สามารถเดินไปได้โดยไม่เสียเวลา
ภายในเมืองโคจิ
สามารถเดินไปได้โดยไม่เสียเวลา
3
วันที่ 2
ปราสาทโคจิ
ปราสาทอายุ 400 ปีของโคจิและสวนที่เต็มไปด้วยซากุระ
ถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 ปราสาทโคจิเป็นเพียงสถานที่แห่งเดียวในญี่ปุ่นที่หอคอยปราสาทและหอกลางดั้งเดิมยังคงอยู่ หลังจากหลายร้อยปีที่รอดพ้นจากสงคราม ไฟ และภัยพิบัติอื่นๆ ปราสาทนี้คือหนึ่งในปราสาทดั้งเดิมสุดท้ายของทั้งสิบสองแห่งในญี่ปุ่น และได้รับการกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ คอยมองหารายละเอียดที่ซับซ้อนทั้งหมดในสถาปัตยกรรมของปราสาทดูสิ เช่น รูปปั้นของ ชาจิ สัตว์ทะเลในตำนาน (ครึ่งปลาครึ่งมังกร) ที่มองลงมายังตัวเมืองจากหลังคา
ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระทั้งหมดรอบปราสาทอายุ 400 ปีนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ดอกไม้อันบอบบางและโคมไฟที่มีสีสันนั้นช่างดูน่าทึ่งเมื่อตัดกับภาพพื้นหลังของกำแพงหินหนา และในเวลากลางคืนพื้นที่ดังกล่าวนี้จะสว่างไสวขึ้นจากการจุดดวงไฟสำหรับชมซากุระบานยามค่ำ และตัวปราสาทเองก็ส่องสว่างขึ้นดุจไฟนำทางในคืนอันมืดมิด
หลังสำรวจพื้นที่แล้ว อย่าลืมแวะมาที่พิพิธภัณฑ์สถานประวัติศาสตร์ปราสาทโคจิซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของถนน เพื่อเจาะลึกเข้าสู่อดีตของภูมิภาคผ่านสิ่งของทางประวัติศาสตร์กว่า 67,000 ชิ้นและงานศิลปะที่ถูกจัดแสดงอยู่
ปราสาทโคจิคือสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดแวะที่คุณจะต้องไม่อยากพลาดในระหว่างการมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน
พิชิตปราสาทโคจิ!
ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระทั้งหมดรอบปราสาทอายุ 400 ปีนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ดอกไม้อันบอบบางและโคมไฟที่มีสีสันนั้นช่างดูน่าทึ่งเมื่อตัดกับภาพพื้นหลังของกำแพงหินหนา และในเวลากลางคืนพื้นที่ดังกล่าวนี้จะสว่างไสวขึ้นจากการจุดดวงไฟสำหรับชมซากุระบานยามค่ำ และตัวปราสาทเองก็ส่องสว่างขึ้นดุจไฟนำทางในคืนอันมืดมิด
หลังสำรวจพื้นที่แล้ว อย่าลืมแวะมาที่พิพิธภัณฑ์สถานประวัติศาสตร์ปราสาทโคจิซึ่งตั้งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของถนน เพื่อเจาะลึกเข้าสู่อดีตของภูมิภาคผ่านสิ่งของทางประวัติศาสตร์กว่า 67,000 ชิ้นและงานศิลปะที่ถูกจัดแสดงอยู่
ปราสาทโคจิคือสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นจุดแวะที่คุณจะต้องไม่อยากพลาดในระหว่างการมาเยี่ยมเยือนอย่างแน่นอน
พิชิตปราสาทโคจิ!
4
วันที่ 2
ตลาดฮิโรเมะ
ลิ้มลองของขึ้นชื่อต่างๆ ของโคจิและร่วมดื่มกับคนท้องถิ่นอีกสักนิดที่ตลาดในร่มแสนอบอุ่นนี้
ตลาดฮิโรเมะนั้นจะให้ความรู้สึกของงานเทศกาลในทุกๆ วันตลอดทั้งปี! ทั้งคนโคจิและผู้มาเยือนต่างก็มาที่นี่เพื่อมองหาร้านขายอาหาร และนั่งโต๊ะเพื่อเพลิดเพลินไปกับอาหารท้องถิ่นและนานาชาติที่ตั้งอยู่เรียงราย ที่นี่มีฉายาว่าเป็น “ครัวของโคจิ” และเป็นสถานที่ที่คุณจะพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด!
ตลาดฮิโรเมะตั้งอยู่ในระยะทางที่ไม่ไกลจากปราสาทโคจิซึ่งสามารถเดินมาได้ และเป็นแหล่งรวมแผงขายประมาณ 65 แผง นี่คือสถานที่อันยอดเยี่ยมสำหรับการลิ้มลองของขึ้นชื่อท้องถิ่นของโคจิหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากคุณจะสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากแผง และเพลิดเพลินไปกับรสชาติเหล่านั้นได้ที่โต๊ะใหญ่สักตัวซึ่งตั้งอยู่รอบๆ ตลาดได้เลย ตลาดฮิโรเมะเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น แต่ไม่ว่าคุณจะมาที่นี่ในเวลาใด คุณก็จะได้พบกับผู้คนที่เป็นมิตรนั่งพูดคุยกัน รับประทานอาหาร หรือจิบดรายสาเกลื่นคอของโคจิอย่างแน่นอน
แม้ว่าการค้นพบของอร่อยท้องถิ่นจะเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก แต่ก็ยังมีอาหารบางจานที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการลิ้มลองนี้ได้อย่างถูกต้องอย่างเช่น คัทสึโอะ โนะ ทะทะคิ (ปลาโอย่างลนไฟ) ซึ่งเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณของโคจิ ที่นี่คุณจะเห็นพ่อครัวย่างชิ้นเนื้อปลาที่แล่ออกมาบนไฟฟาง อย่าลืมมองหาห่อ อินากะซูชิ (ซูชิแบบพื้นบ้าน) ที่ทำจากผักดอง และเทมปุระ อาโอะโนริ กรุบกรอบ รวมทั้งอาหารยอดนิยมจานอื่นๆ อย่างไก่ทอดชุ่มช่ำ และ เกี๊ยวซ่า (แบบติดก้นกระทะ) ด้วยล่ะ
ตลาดฮิโรเมะตั้งอยู่ในระยะทางที่ไม่ไกลจากปราสาทโคจิซึ่งสามารถเดินมาได้ และเป็นแหล่งรวมแผงขายประมาณ 65 แผง นี่คือสถานที่อันยอดเยี่ยมสำหรับการลิ้มลองของขึ้นชื่อท้องถิ่นของโคจิหลากหลายรูปแบบ เนื่องจากคุณจะสามารถซื้ออาหารและเครื่องดื่มจากแผง และเพลิดเพลินไปกับรสชาติเหล่านั้นได้ที่โต๊ะใหญ่สักตัวซึ่งตั้งอยู่รอบๆ ตลาดได้เลย ตลาดฮิโรเมะเปิดตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น แต่ไม่ว่าคุณจะมาที่นี่ในเวลาใด คุณก็จะได้พบกับผู้คนที่เป็นมิตรนั่งพูดคุยกัน รับประทานอาหาร หรือจิบดรายสาเกลื่นคอของโคจิอย่างแน่นอน
แม้ว่าการค้นพบของอร่อยท้องถิ่นจะเป็นส่วนหนึ่งของความสนุก แต่ก็ยังมีอาหารบางจานที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นการลิ้มลองนี้ได้อย่างถูกต้องอย่างเช่น คัทสึโอะ โนะ ทะทะคิ (ปลาโอย่างลนไฟ) ซึ่งเป็นอาหารแห่งจิตวิญญาณของโคจิ ที่นี่คุณจะเห็นพ่อครัวย่างชิ้นเนื้อปลาที่แล่ออกมาบนไฟฟาง อย่าลืมมองหาห่อ อินากะซูชิ (ซูชิแบบพื้นบ้าน) ที่ทำจากผักดอง และเทมปุระ อาโอะโนริ กรุบกรอบ รวมทั้งอาหารยอดนิยมจานอื่นๆ อย่างไก่ทอดชุ่มช่ำ และ เกี๊ยวซ่า (แบบติดก้นกระทะ) ด้วยล่ะ
รถยนต์ (ประมาณ 2 ชั่วโมง)
5
วันที่ 2
สะพานชิงกะบาชิแห่งเมืองสะดะ
สะพานไม่ธรรมดาที่ทอดผ่านแม่น้ำใสชิมันโตะ
สะพานชิงกะบาชิ คือสะพานจมน้ำได้ที่ออกแบบมาให้ไม่มีราวกั้นด้านข้างเพื่อลดโอกาสที่สะพานจะถูกน้ำพัดไปเนื่องจากน้ำท่วม สะพานที่ดูเตี้ยและม่อต้อเหล่านี้ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบริเวณชิมันโตะ และดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับทัศนียภาพได้ดีกว่าสะพานแบบดั้งเดิม ถึงแม้จะมีสะพานชิงกะบาชิมากมายเรียงรายอยู่ตามแม่น้ำ แต่สะพานชิงกะบาชิแห่งเมืองสะดะนั้นมีระยะทางที่ยาวที่สุดและอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำชิมันโตะมากที่สุด ซึ่งคุณจะจดจำสะพานนี้ได้จาก “เท้า” สีฟ้าน่ารักของสะพาน
การข้ามสะพานแบบไร้ราวเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเป็นโอกาสให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้นั่งตรงขอบเพื่อดื่มด่ำกับทิวทัศน์ ขณะห้อยขาอยู่เหนือแม่น้ำที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น การสัมผัสประสบการณ์ของบริเวณนี้ที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือการเช่าจักรยานจากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด (สถานีนากามุระ) แล้วปั่นไปรอบๆ จนมาถึงสะพานนี้
การข้ามสะพานแบบไร้ราวเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและเป็นโอกาสให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้นั่งตรงขอบเพื่อดื่มด่ำกับทิวทัศน์ ขณะห้อยขาอยู่เหนือแม่น้ำที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น การสัมผัสประสบการณ์ของบริเวณนี้ที่ดีที่สุดอีกวิธีหนึ่งคือการเช่าจักรยานจากสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด (สถานีนากามุระ) แล้วปั่นไปรอบๆ จนมาถึงสะพานนี้
รถยนต์ (ประมาณ1 ชั่วโมง)
6
วันที่ 2
ที่พัก แหล่งบ่อน้ำพุร้อนอะชิซุริ
แหล่งบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ในทำเลอันยอดเยี่ยมที่สามารถมองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิคตรงหน้าได้สุดสายตา สามารถอิ่มเอมไปกับอาหารทะเลชั้นเลิศและสดใหม่ของจังหวัดโคจิได้ และเพลิดเพลินกับการแช่น้ำพุร้อนพร้อมสัมผัสกับกลิ่นอันสดชื่นของน้ำทะเลที่พัดขึ้นและลง
วันที่ 3
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
7
วันที่ 3
สวนสาธารณะทัทสึคุชิไคอิคิ (Tatsukushi Marine Park)
ลอยเหนือแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น!
สวนสาธารณะทัทสึคุชิไคอิคิซึ่งตั้งอยู่ที่ชายฝั่งทางใต้สุดของจังหวัดโคจินี้คือแหล่งแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับปลาสีสันสวยงามทุกชนิด ไปจนถึงหอยต่างๆ ที่เจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์อยู่ในผืนน้ำซึ่งมีความอุ่นตลอดทั้งปีแห่งนี้ ทัทสึคุชิไคอิคิคือสวนเฉพาะแบบแห่งแรกที่ถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล
การนั่งเรือท้องกระจกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลสีสันสดใสใต้ทะเลสีมรกต คุณยังมีโอกาสที่หาได้ยากในการชมความอัศจรรย์ของรายละเอียดและพื้นผิวอันสลับซับซ้อนของกลุ่มแนวปะการังขนาดยักษ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วจากด้านบนอีกด้วย
โดยสามารถเดินทางด้วยเรือท้องกระจกเป็นเวลา 30 ถึง 50 นาทีไปยังชายฝั่งมิโนะโคะชิ สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับกลุ่มหินที่ดูราวกับว่าถูกนำมาจากดาวดวงอื่น ลองสัมผัสกับพื้นผิวของหินที่ถูกสลักด้วยลมแรงและคลื่นนับหลายพันปีดูสิ สิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ย้ำเตือนถึงการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้คุณได้ตระหนักถึงพลังของธรรมชาติและความสวยงามของชีวิตบนโลกได้อย่างแน่นอน
การนั่งเรือท้องกระจกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลสีสันสดใสใต้ทะเลสีมรกต คุณยังมีโอกาสที่หาได้ยากในการชมความอัศจรรย์ของรายละเอียดและพื้นผิวอันสลับซับซ้อนของกลุ่มแนวปะการังขนาดยักษ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วจากด้านบนอีกด้วย
โดยสามารถเดินทางด้วยเรือท้องกระจกเป็นเวลา 30 ถึง 50 นาทีไปยังชายฝั่งมิโนะโคะชิ สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับกลุ่มหินที่ดูราวกับว่าถูกนำมาจากดาวดวงอื่น ลองสัมผัสกับพื้นผิวของหินที่ถูกสลักด้วยลมแรงและคลื่นนับหลายพันปีดูสิ สิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ย้ำเตือนถึงการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้คุณได้ตระหนักถึงพลังของธรรมชาติและความสวยงามของชีวิตบนโลกได้อย่างแน่นอน
รถยนต์ (ประมาณ 3 ชั่วโมง)
8
วันที่ 3
บ่อน้ำพุร้อนโดโกะ
โดโกะออนเซ็นฮอนคังนั้นว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีการกล่าวถึงในตำราโบราณ โคจิกิ และ มันโยชู อาคารหลักเป็นสิ่งปลูกสร้างไม้สามชั้นแบบปราสาทที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ โรงอาบน้ำคือจุดเด่นหลักของมัตสึยามะในนิยาย “บตจัง” และในผลงานทั้งงานเขียนชิ้นเอกและภาพยนตร์ หลังจากที่เพลิดเพลินไปกับน้ำในบ่อน้ำพุร้อนแสนนุ่มนวลแล้ว ก็สวมชุดยูกาตะและออกเดินเที่ยวถนนท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและเข้าถึงจิตวิญญาณของเมืองบ่อน้ำพุร้อนเมืองนี้กัน อาคารที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ “อาสุกะ โนะ ยุ” ซึ่งได้นำเอารูปแบบสถาปัตยกรรมของศตวรรษที่ 6 ถึง 8 มาใช้จะเปิดในเดือนกันยายน ปี 2560
วันที่ 4
รถยนต์ (ประมาณ 2 ชั่วโมง)
9
วันที่ 4
ศาลเจ้าโคโตฮิระกู
สถานที่แห่งนี้คือศาลเจ้ายอดนิยมซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ คอนปิระซัง เป็นศาลเจ้าใหญ่ของศาลเจ้า “โคโตะฮิระ” หรือ “คอนปิระ” ในญี่ปุ่น และได้รับการเคารพบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะ “เทพเจ้าของท้องทะเล”
ที่นี่มีบันไดที่ยาวมาก โดยมีด้วยกัน 1,368 ขั้น บริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น คาเฟ่, บ้านน้ำชา, ร้านของที่ระลึก และร้านอาหารอุด้ง คุณยังสามารถเช่าไม้เท้าช่วยเดินแล้วออกไปเดินเล่นหรือนั่งในเกี้ยว “คะโกะ” เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะที่ถูกแบกไปรอบๆ ได้
ที่นี่มีบันไดที่ยาวมาก โดยมีด้วยกัน 1,368 ขั้น บริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น คาเฟ่, บ้านน้ำชา, ร้านของที่ระลึก และร้านอาหารอุด้ง คุณยังสามารถเช่าไม้เท้าช่วยเดินแล้วออกไปเดินเล่นหรือนั่งในเกี้ยว “คะโกะ” เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะที่ถูกแบกไปรอบๆ ได้
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชั่วโมง)
10
วันที่ 4
สนามบินทากามัตสึ
จุดหมายปลายทาง