ทริป 5 วัน รอบชิโกกุ ผ่านทางโตเกียว
วันที่ 1 ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ → ท่าอากาศยานฮาเนดะ
วันที่ 2 ท่าอากาศยานฮาเนดะ → ท่าอากาศยานโทคุชิมะ → พิพิธภัณฑ์อะวะโอโดริ → น้ำวนนารุโตะ → ที่พักภายในเมืองโคโตฮิระ
วันที่ 3 โคโตฮิระ → ศาลเจ้าโคโตฮิระกู → โรงเรียนอุด้งนาคาโนะ (โคโตฮิระ) → หุบเขาโอโบเคะ → ที่พักในโดโกะออนเซ็น
วันที่ 4 โดโกะออนเซ็น → ปราสาทมัตสึยามะ → สวนนันราคุเอ็น → สวนสาธารณะทาสึคุชิไคอิคิ & เรือท้องกระจก → ที่พักในหมู่บ้านอะชิซุริออนเซ็น
วันที่ 5 หมู่บ้านอะชิซุริออนเซ็น → แหลมอะชิซุริ → เรือบ้านยาคาตะบูเนะแม่น้ำชิมันโตะ → ร้านคุโรชิโอะอิจิบังคัง → พิพิธภัณฑ์กระดาษเมืองอิโนะ → ที่พักในจังหวัดโคจิ
วันที่ 6 วัดชิคุรินจิ → ตลาดฮิโรเมะ → ท่าอากาศยานโคจิเรียวมะ → ท่าอากาศยานฮาเนดะ
วันที่ 2 ท่าอากาศยานฮาเนดะ → ท่าอากาศยานโทคุชิมะ → พิพิธภัณฑ์อะวะโอโดริ → น้ำวนนารุโตะ → ที่พักภายในเมืองโคโตฮิระ
วันที่ 3 โคโตฮิระ → ศาลเจ้าโคโตฮิระกู → โรงเรียนอุด้งนาคาโนะ (โคโตฮิระ) → หุบเขาโอโบเคะ → ที่พักในโดโกะออนเซ็น
วันที่ 4 โดโกะออนเซ็น → ปราสาทมัตสึยามะ → สวนนันราคุเอ็น → สวนสาธารณะทาสึคุชิไคอิคิ & เรือท้องกระจก → ที่พักในหมู่บ้านอะชิซุริออนเซ็น
วันที่ 5 หมู่บ้านอะชิซุริออนเซ็น → แหลมอะชิซุริ → เรือบ้านยาคาตะบูเนะแม่น้ำชิมันโตะ → ร้านคุโรชิโอะอิจิบังคัง → พิพิธภัณฑ์กระดาษเมืองอิโนะ → ที่พักในจังหวัดโคจิ
วันที่ 6 วัดชิคุรินจิ → ตลาดฮิโรเมะ → ท่าอากาศยานโคจิเรียวมะ → ท่าอากาศยานฮาเนดะ
วันที่ 1
ท่าอากาศยานฮาเนดะ
เครื่องบิน (1 ชม. 20 นาที)
ท่าอากาศยานโทคุชิมะ
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
เครื่องบิน (1 ชม. 20 นาที)
ท่าอากาศยานโทคุชิมะ
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
1
วันที่ 1
พิพิธภัณฑ์อะวะโอโดริ
คุณสามาถชมการเต้นอาวะที่โด่งดังไปทั่วโลกได้ตลอดทั้งปีที่หอเต้นนี้ ชั้นหนึ่งเป็นที่ตั้งของโต๊ะประชาสัมพันธ์และบริเวณร้านค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นและข้อมูลนักท่องเที่ยว ชั้นสองคือห้องสมุดการเต้นอาวะและโถงจัดแสดง ส่วนชั้นสามนั้นเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ และที่ชั้นห้าคือสถานีกระเช้าไปยังยอดเขาบิซัน
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
2
วันที่ 1
น้ำวนนารุโตะ
คุณสามารถชมปรากฏการณ์น้ำวนที่น่าเกรงขามในช่องแคบนารุโตะนี้ได้จากหลายสถานที่ด้วยกัน หนึ่งในตัวเลือกเหล่านั้นก็คือหอสังเกตการณ์ที่สร้างอยู่ใต้สะพานนารุโตะ ที่ให้คุณได้เห็นภาพหลายมุมมองผ่านแผงกระจกจากที่สูง 45 เมตรเหนือทะเล สำหรับมุมมองน้ำวนอย่างใกล้ชิด ทำไมไม่ลองนั่งเรือท่องเที่ยวที่มีประจำสักลำดูล่ะ?
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม. 30 นาที)
3
วันที่ 1
ที่พักภายในเมืองโคโตฮิระ
ภาพถ่ายที่พักเป็นภาพ
วันที่ 2
รถยนต์ (ประมาณ 10 นาที)
4
วันที่ 2
ศาลเจ าโคโตฮิระกูู
สถานที่แห่งนี้คือศาลเจ้ายอดนิยมซึ่งรู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ คอนปิระซัง เป็นศาลเจ้าใหญ่ของศาลเจ้า “โคโตะฮิระ” หรือ “คอนปิระ” ในญี่ปุ่น และได้รับการเคารพบูชามาตั้งแต่สมัยโบราณในฐานะ “เทพเจ้าของท้องทะเล”
ที่นี่มีบันไดที่ยาวมาก โดยมีด้วยกัน 1,368 ขั้น บริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น คาเฟ่, บ้านน้ำชา, ร้านของที่ระลึก และร้านอาหารอุด้ง คุณยังสามารถเช่าไม้เท้าช่วยเดินแล้วออกไปเดินเล่นหรือนั่งในเกี้ยว “คะโกะ” เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะที่ถูกแบกไปรอบๆ ได้
ที่นี่มีบันไดที่ยาวมาก โดยมีด้วยกัน 1,368 ขั้น บริเวณโดยรอบของศาลเจ้านั้นเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย เช่น คาเฟ่, บ้านน้ำชา, ร้านของที่ระลึก และร้านอาหารอุด้ง คุณยังสามารถเช่าไม้เท้าช่วยเดินแล้วออกไปเดินเล่นหรือนั่งในเกี้ยว “คะโกะ” เพื่อเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ขณะที่ถูกแบกไปรอบๆ ได้
รถยนต์ (ประมาณ 5 นาที)
5
วันที่ 2
โรงเรียนอุด้งนาคาโนะ (โคโตฮิระ)
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม. 30 นาที)
6
วันที่ 2
ช่องเขาโอโบเคะ
ผิวน้ำสีเขียวมรกต หน้าหินสีขาว และหน้าผาที่ยื่นตรงขึ้นไปยังท้องฟ้าถูกแต่งแต้มสีสันด้วยสีเขียวสดในฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง สามกิโลเมตรลงมาตามลำน้ำจากโอโบเคะคือสถานที่ซึ่งเรียกว่า โคะโบเคะ
รถยนต์ (ประมาณ 2 ชม. 10 นาที)
7
วันที่ 2
บ่อน้ำพุร้อนโดโกะ
โดโกะออนเซ็นฮอนคังนั้นว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น ซึ่งมีการกล่าวถึงในตำราโบราณ โคจิกิ และ มันโยชู อาคารหลักเป็นสิ่งปลูกสร้างไม้สามชั้นแบบปราสาทที่ได้รับการกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ โรงอาบน้ำคือจุดเด่นหลักของมัตสึยามะในนิยาย “บตจัง” และในผลงานทั้งงานเขียนชิ้นเอกและภาพยนตร์ หลังจากที่เพลิดเพลินไปกับน้ำในบ่อน้ำพุร้อนแสนนุ่มนวลแล้ว ก็สวมชุดยูกาตะและออกเดินเที่ยวถนนท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและเข้าถึงจิตวิญญาณของเมืองบ่อน้ำพุร้อนเมืองนี้กัน อาคารที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ “อาสุกะ โนะ ยุ” ซึ่งได้นำเอารูปแบบสถาปัตยกรรมของศตวรรษที่ 6 ถึง 8 มาใช้จะเปิดในเดือนกันยายน ปี 2560
วันที่ 3
รถยนต์ (ประมาณ 10 นาที)
8
วันที่ 3
ปราสาทมัตสึยามะ
ปราสาทมัตสึยามะในรูปแบบงานสร้างของยุคโมโมยามะนี้คือปราสาทดั้งเดิมไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่เหลือรอดมาจนถึงปัจจุบัน อาคารทั้ง 21 หลังในที่แห่งนี้ได้รับการระบุให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และตัวปราสาทเองก็ถือกันว่าเป็นหนึ่งในสามสิ่งสุดยอด “เร็นริสึชิกิ ฮิรายามะจิโระ” (เร็นริสึชิกิ: รูปแบบสถาปัตยกรรมที่ยอดอาคารปราสาทอยู่ตรงกลางซึ่งมีหอที่เล็กกว่าอยู่ที่ข้างใดข้างหนึ่ง; ฮิรายามะจิโระ: ปราสาทที่สร้างบนเนินหรือบนที่ราบ) ตัวหอคอยนั้นเชื่อมต่อกันหมดเพื่อปกป้องตัวอาคารปราสาทหลัก ปราสาทแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของมัตสึยามะและถูกเขียนเอาไว้ในบทนำของนิยาย “เมฆเหนือเนินเขา” โดยเรียวทาโร่ ชิบะ ปราสาทนี้จะยังคงปกป้องเมืองมัตสึยามะอย่างที่เคยเป็นมาและต่อไปอีกนับศตวรรษ!
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม. 45 นาที)
9
วันที่ 3
สวนนันราคุเอ็น
นันราคุเอ็นเป็นสวนญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดในชิโกกุ ใหญ่มากกว่าสนามเบสบอลฮันชินโคชิเอ็นถึงสี่เท่า สวนนี้ถูกสร้างโดยใช้เทคนิคที่โดดเด่นของการออกแบบสวนสมัยใหม่ และก็ได้รับการกำหนดว่าเป็นหนึ่งใน “100 สวนในเมืองที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น” ตัวสวนซึ่งมอบภาพทิวทัศน์อันงดงามจากธีม “ภูเขา หมู่บ้าน เมือง และทะเล” มาสัมผัสกับความงามของธรรมชาติญี่ปุ่นผ่านสี่ฤดูกาลที่แตกต่างกัน ดอกไอริส 30,000 ดอกที่บานในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมนั้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้มาเยือนอย่างมากทีเดียว!
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม. 50 นาที)
10
วันที่ 3
สวนสาธารณะทัทสึคุชิไคอิคิ (Tatsukushi Marine Park)
สวนสาธารณะทัทสึคุชิไคอิคิซึ่งตั้งอยู่ที่ชายฝั่งทางใต้สุดของจังหวัดโคจินี้คือแหล่งแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับปลาสีสันสวยงามทุกชนิด ไปจนถึงหอยต่างๆ ที่เจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์อยู่ในผืนน้ำซึ่งมีความอุ่นตลอดทั้งปีแห่งนี้ ทัทสึคุชิไคอิคิคือสวนเฉพาะแบบแห่งแรกที่ถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล
การนั่งเรือท้องกระจกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลสีสันสดใสใต้ทะเลสีมรกต คุณยังมีโอกาสที่หาได้ยากในการชมความอัศจรรย์ของรายละเอียดและพื้นผิวอันสลับซับซ้อนของกลุ่มแนวปะการังขนาดยักษ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วจากด้านบนอีกด้วย
โดยสามารถเดินทางด้วยเรือท้องกระจกเป็นเวลา 30 ถึง 50 นาทีไปยังชายฝั่งมิโนะโคะชิ สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับกลุ่มหินที่ดูราวกับว่าถูกนำมาจากดาวดวงอื่น ลองสัมผัสกับพื้นผิวของหินที่ถูกสลักด้วยลมแรงและคลื่นนับหลายพันปีดูสิ สิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ย้ำเตือนถึงการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้คุณได้ตระหนักถึงพลังของธรรมชาติและความสวยงามของชีวิตบนโลกได้อย่างแน่นอน
การนั่งเรือท้องกระจกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลสีสันสดใสใต้ทะเลสีมรกต คุณยังมีโอกาสที่หาได้ยากในการชมความอัศจรรย์ของรายละเอียดและพื้นผิวอันสลับซับซ้อนของกลุ่มแนวปะการังขนาดยักษ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วจากด้านบนอีกด้วย
โดยสามารถเดินทางด้วยเรือท้องกระจกเป็นเวลา 30 ถึง 50 นาทีไปยังชายฝั่งมิโนะโคะชิ สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับกลุ่มหินที่ดูราวกับว่าถูกนำมาจากดาวดวงอื่น ลองสัมผัสกับพื้นผิวของหินที่ถูกสลักด้วยลมแรงและคลื่นนับหลายพันปีดูสิ สิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ย้ำเตือนถึงการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้คุณได้ตระหนักถึงพลังของธรรมชาติและความสวยงามของชีวิตบนโลกได้อย่างแน่นอน
รถยนต์ (ประมาณ 40 นาที)
11
วันที่ 3
ที่พักในหมู่บ้านอะชิซุริออนเซ็น
วันที่ 4
เดิน (ประมาณ 5 - 10 นาที)
12
วันที่ 4
แหลมอะชิซุริ
แหลมอะชิซุริคือจุดใต้สุดของชิโกกุที่มีมุมมองโดยรอบ 270 องศาช่วยให้ผู้มาเยี่ยมชมสามารถมองเห็นส่วนโค้งของโลกได้จริงๆ สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงขอบของหน้าผานั้นคือประภาคารแหลมอะชิซุริ หนึ่งในประภาคารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของแหลมนี้
ที่แหลมนี้ยังมีพืชพันธุ์กึ่งเขตร้อนที่เติบโตอยู่ทั่วแหลมและคามิเลียหลากหลายพันธุ์อยู่มากมาย บริเวณนี้มีพุ่มดอกไม้สีสันสดใสราว 150,000 พุ่มทั่วบริเวณคาบสมุทร ซึ่ง 60,000 พุ่มนั้นขึ้นอยู่รวมกันที่ปลายของแหลมนี้ และช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมพุ่มดอกเหล่านี้ผลิบานอย่างเต็มที่คือในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินยาว 2 กม. เลียบตามชายฝั่งที่พาไปสู่บริเวณชายฝั่งซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินอันเป็นไฮไลต์นี้ แล้วอย่าลืมแวะมาที่วัดคอนโกฟุคุจิ จุดหยุดพักที่ 38 ของเส้นทางแสวงบุญที่วัดทั้ง 88 แห่งของชิโกกุด้วยล่ะ
และใกล้ๆ กันนี้ คุณจะพบกับชายฝั่งทัทสึคุชิและมิโนะโคะชิซึ่งคุณจะสามารถเห็นแนวปะการังและปลาเขตร้อนจากทัวร์เรือท้องกระจกได้
ที่แหลมนี้ยังมีพืชพันธุ์กึ่งเขตร้อนที่เติบโตอยู่ทั่วแหลมและคามิเลียหลากหลายพันธุ์อยู่มากมาย บริเวณนี้มีพุ่มดอกไม้สีสันสดใสราว 150,000 พุ่มทั่วบริเวณคาบสมุทร ซึ่ง 60,000 พุ่มนั้นขึ้นอยู่รวมกันที่ปลายของแหลมนี้ และช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมพุ่มดอกเหล่านี้ผลิบานอย่างเต็มที่คือในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินยาว 2 กม. เลียบตามชายฝั่งที่พาไปสู่บริเวณชายฝั่งซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินอันเป็นไฮไลต์นี้ แล้วอย่าลืมแวะมาที่วัดคอนโกฟุคุจิ จุดหยุดพักที่ 38 ของเส้นทางแสวงบุญที่วัดทั้ง 88 แห่งของชิโกกุด้วยล่ะ
และใกล้ๆ กันนี้ คุณจะพบกับชายฝั่งทัทสึคุชิและมิโนะโคะชิซึ่งคุณจะสามารถเห็นแนวปะการังและปลาเขตร้อนจากทัวร์เรือท้องกระจกได้
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม. 20 นาที)
13
วันที่ 4
เรือบ้านยาคาตะบูเนะแม่น้ำชิมันโตะ
"หนึ่งในชื่อแทนของจังหวัดโคจิ คือ “จุดสิ้นสุดของสายน้ำใส” ที่ซึ่งมีสะพานจมน้ำสาดะที่มีเสน่ห์ ทิวทัศน์ที่งดงามและแม่น้ำอันอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติ"
14
วันที่ 4
Saltybe
ในวันอากาศดีเราจะนำน้ำจากมหาสมุทรแปซิฟิกอันกว้างใหญ่มาตากแห้งและคนให้เข้ากัน จนได้เกลือแสงอาทิตย์ที่มีรสชาติหวานอร่อย ที่โซะรุทีบ หลังจากเรียนรู้กระบวนการตั้งแต่น้ำทะเลจนถึงเก็บเกลือขึ้นมา จะได้ลองคนเกลือจริงและสามารถดูการตกผลึกของเกลือได้ด้วยตาคุณเอง และจะให้คุณได้กรองสิ่งสกปรกออกและนำเกลือขวดเล็กกลับไปเป็นของฝาก สำหรับเกลือที่ใช้บำรุงผิวให้เนียนนุ่มก็อยู่ในกิจกรรมการผลิตเกลือด้วยเช่นกัน
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม.)
15
วันที่ 4
ร้านคุโรชิโอะอิจิบังคัง
ปลาคัทสึโอะสดย่างด้วยฟางแล้วทานทานตรงนั้นเลย
ทาทากิย่างใหม่ ๆ มีกลิ่นหอมจากการย่างและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์
เมื่อได้ลองรับประทานดูครั้งหนึ่งแล้วมั่นใจได้เลยว่าจะติดใจอย่างแน่นอน
ทาทากิย่างใหม่ ๆ มีกลิ่นหอมจากการย่างและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์
เมื่อได้ลองรับประทานดูครั้งหนึ่งแล้วมั่นใจได้เลยว่าจะติดใจอย่างแน่นอน
รถยนต์ (ประมาณ 1 ชม. 20 นาที)
16
วันที่ 4
พิพิธภัณฑ์ของกระดาษเมืองอิโนะ
"กระดาษวาชิโทะสะ" ที่มีต้นกำเนิดจากจังหวัดโคจิ เป็นงานฝีมือดั้งเดิมที่สืบทอดกว่าพันปี เป็นหนึ่งใน "สามแหล่งผลิตกระดาษวาชิที่สำคัญของญี่ปุ่น" พร้อมกับกระดาษวาชิเอจิเซนของจังหวัดฟุกุอิและกระดาษวาชิมิโนะของจังหวัดกิฟู และถูกกำหนดให้เป็น "งานประดิษฐ์ดั้งเดิมแห่งชาติ" ในปี พ.ศ.2519 นอกจากเป็นที่โปรดปรานของนักสร้างสรรค์ศิลปกรรมแล้ว กระดาษวาชิโทะสะยังถูกใช้ในการซ่อมแซมทรัพย์สินทางวัฒนธรรมอีกด้วย มีคุณค่าเชิงพาณิชย์ที่สูงมาก
"พิพิธภัณฑ์ของกระดาษเมืองอิโนะ" ได้เปิดพิพิธภัณฑ์เมื่อ พ.ศ.2528 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนา "กระดาษวาชิโทะสะ" ที่มีประวัติมากกว่าพันปี โซนนิทรรศการประจำในพิพิธภัณฑ์นอกจากแนะนำประวัติการเปลี่ยนแปลง กระบวนการผลิตกระดาษและวัตถุดิบของกระดาษวาชิโทะสะแล้ว ยังมีการแสดงอุปกรณ์ผลิตกระดาษในอดีตและยุคปัจจุบันอันล้ำค่า และเสื้อกระดาษ กล่องข้าว ธนบัตรและสิ่งพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน แล้วยังมี "กระดาษนานาอิโนะโทะสะ" ที่มีมูลค่าอย่างยิ่ง
สามารถพบเห็นร่องรอยของกระดาษวาชิโทะสะได้ทุกจุดในพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่ตั๋วเข้าชมและกระดาษชำระที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์ สินค้ากระดาษวาชิโทะสะที่จำหน่ายในร้านค้ามีความหลากหลาย เล็กสุดตั้งแต่กระดาษโน้ตและโปสการ์ด จนถึงชิ้นใหญ่ที่เป็นกระดาษชำระ ม้วนกระดาษและกล่องเครื่องประดับ และยังสามารถลงชื่อสัมผัส "การทำโปสการ์ดด้วยกระดาษวาชิโทะสะจากมือ" เพื่อลงมือทำกระดาษวาชิที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกด้วยตนเอง
พิพิธภัณฑ์ของกระดาษเมืองอิโนะตั้งอยู่ในเมืองอิโนะ เดินทางสะดวกมาก อีกทั้งยังสามารถเช่ายืมจักราจากสมาคมการท่องเที่ยวเมืองอิโนะที่เดินเท้าประมาณ 5 นาทีจากสถานีอิโนะ JR
"พิพิธภัณฑ์ของกระดาษเมืองอิโนะ" ได้เปิดพิพิธภัณฑ์เมื่อ พ.ศ.2528 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนา "กระดาษวาชิโทะสะ" ที่มีประวัติมากกว่าพันปี โซนนิทรรศการประจำในพิพิธภัณฑ์นอกจากแนะนำประวัติการเปลี่ยนแปลง กระบวนการผลิตกระดาษและวัตถุดิบของกระดาษวาชิโทะสะแล้ว ยังมีการแสดงอุปกรณ์ผลิตกระดาษในอดีตและยุคปัจจุบันอันล้ำค่า และเสื้อกระดาษ กล่องข้าว ธนบัตรและสิ่งพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน แล้วยังมี "กระดาษนานาอิโนะโทะสะ" ที่มีมูลค่าอย่างยิ่ง
สามารถพบเห็นร่องรอยของกระดาษวาชิโทะสะได้ทุกจุดในพิพิธภัณฑ์ ตั้งแต่ตั๋วเข้าชมและกระดาษชำระที่ใช้ในพิพิธภัณฑ์ สินค้ากระดาษวาชิโทะสะที่จำหน่ายในร้านค้ามีความหลากหลาย เล็กสุดตั้งแต่กระดาษโน้ตและโปสการ์ด จนถึงชิ้นใหญ่ที่เป็นกระดาษชำระ ม้วนกระดาษและกล่องเครื่องประดับ และยังสามารถลงชื่อสัมผัส "การทำโปสการ์ดด้วยกระดาษวาชิโทะสะจากมือ" เพื่อลงมือทำกระดาษวาชิที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกด้วยตนเอง
พิพิธภัณฑ์ของกระดาษเมืองอิโนะตั้งอยู่ในเมืองอิโนะ เดินทางสะดวกมาก อีกทั้งยังสามารถเช่ายืมจักราจากสมาคมการท่องเที่ยวเมืองอิโนะที่เดินเท้าประมาณ 5 นาทีจากสถานีอิโนะ JR
รถยนต์ (ประมาณ 20 นาที)
17
วันที่ 4
ที่พักในเมืองโคจิ
ภาพถ่ายที่พักเป็นภาพ
วันที่ 5
รถยนต์ (ประมาณ 20 นาที)
18
วันที่ 5
วัดชิคุรินจิ
ว่ากันว่าวัดนี้ตั้งขึ้นในปี 1267 และเป็นจุดพักที่ 31 ของการแสวงบุญที่วัดทั้ง 88 แห่งของชิโกกุในระยะทาง 1,400 กม.
ชิคุรินจินั้นแปลตรงตัวได้ว่า “วัดป่าไผ่” และถึงจะมีดงไผ่เหลืออยู่บ้างในพื้นที่วัด แต่ในปัจจุบันที่นี่กลับเป็นที่รู้จักกันในเรื่องต้นเมเปิลญี่ปุ่นซึ่งจะเปลี่ยนกลายเป็นสีทองสลับแดงสดในฤดูใบไม้ร่วง
พื้นที่ของวัดนี้สงบเป็นอย่างมาก เมื่อคุณขึ้นบันไดหินที่เหมาะแก่การถ่ายรูปและผ่านเข้าประตูไปแล้ว คุณจะรู้สึกราวกับว่าได้ถูกนำตัวมายังอีกสถานที่หนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้ว ผู้มาเยี่ยมชมจะเดินไปตามทางซึ่งปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวมาจนถึงอาคารหลักของวัดซึ่งเป็นเจดีย์ห้าชั้นสีแดงและสวนอันสง่างาม
รูปบูชาหลักที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่คือ มอนจู โบซัตสุ โพธิสัตย์แห่งปัญญา ทำให้วัดนี้เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเหล่านักเรียนในช่วงสอบ โดยแต่ละคนต่างก็ขอให้สอบผ่านได้คะแนนดี
แม้ว่าทางเข้าไปยังพื้นที่หลักของวัดนั้นจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในบริเวณที่เป็นสวนของวัดชิคุรินจิที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นจุดทิวทัศน์สวยงามแห่งชาตินี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อย ผู้มาเยี่ยมชมสามารถดูสวนที่ได้รับอิทธิพลแบบจีนซึ่งอยู่โดยรอบห้องสมุดและได้รับการออกแบบให้ชมได้ดีที่สุดจากในอาคาร
อย่าลืมใช้เวลาอีกสักนิดเพื่อคิดทบทวนถึงเรื่องต่างๆ ที่เมะกุริโนะโมริ บริเวณสีเขียวซึ่งมีสระเล็กๆ กระจายตัวอยู่ และโดมแก้วกระจกสี
วัดนี้อยู่ใกล้กับยอดภูเขาโกะไดซึ่งติดกับสวนพฤกษศาสตร์มากิโนะประจำจังหวัดโคจิที่เต็มไปด้วยดอกไม้ โดยมีให้บริการรถบัสท่องเที่ยวจากใจกลางโคจิมาถึงทางเข้าของสถานที่ทั้งสองแห่ง
⇒ การแสวงบุญที่วัดทั้ง 88 แห่งของชิโกกุ: โอะเฮนโระ
ชิคุรินจินั้นแปลตรงตัวได้ว่า “วัดป่าไผ่” และถึงจะมีดงไผ่เหลืออยู่บ้างในพื้นที่วัด แต่ในปัจจุบันที่นี่กลับเป็นที่รู้จักกันในเรื่องต้นเมเปิลญี่ปุ่นซึ่งจะเปลี่ยนกลายเป็นสีทองสลับแดงสดในฤดูใบไม้ร่วง
พื้นที่ของวัดนี้สงบเป็นอย่างมาก เมื่อคุณขึ้นบันไดหินที่เหมาะแก่การถ่ายรูปและผ่านเข้าประตูไปแล้ว คุณจะรู้สึกราวกับว่าได้ถูกนำตัวมายังอีกสถานที่หนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้ว ผู้มาเยี่ยมชมจะเดินไปตามทางซึ่งปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวมาจนถึงอาคารหลักของวัดซึ่งเป็นเจดีย์ห้าชั้นสีแดงและสวนอันสง่างาม
รูปบูชาหลักที่ประดิษฐานอยู่ที่นี่คือ มอนจู โบซัตสุ โพธิสัตย์แห่งปัญญา ทำให้วัดนี้เป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับเหล่านักเรียนในช่วงสอบ โดยแต่ละคนต่างก็ขอให้สอบผ่านได้คะแนนดี
แม้ว่าทางเข้าไปยังพื้นที่หลักของวัดนั้นจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ในบริเวณที่เป็นสวนของวัดชิคุรินจิที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นจุดทิวทัศน์สวยงามแห่งชาตินี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเล็กน้อย ผู้มาเยี่ยมชมสามารถดูสวนที่ได้รับอิทธิพลแบบจีนซึ่งอยู่โดยรอบห้องสมุดและได้รับการออกแบบให้ชมได้ดีที่สุดจากในอาคาร
อย่าลืมใช้เวลาอีกสักนิดเพื่อคิดทบทวนถึงเรื่องต่างๆ ที่เมะกุริโนะโมริ บริเวณสีเขียวซึ่งมีสระเล็กๆ กระจายตัวอยู่ และโดมแก้วกระจกสี
วัดนี้อยู่ใกล้กับยอดภูเขาโกะไดซึ่งติดกับสวนพฤกษศาสตร์มากิโนะประจำจังหวัดโคจิที่เต็มไปด้วยดอกไม้ โดยมีให้บริการรถบัสท่องเที่ยวจากใจกลางโคจิมาถึงทางเข้าของสถานที่ทั้งสองแห่ง
⇒ การแสวงบุญที่วัดทั้ง 88 แห่งของชิโกกุ: โอะเฮนโระ
รถยนต์ (ประมาณ 20 นาที)
19
วันที่ 5
ตลาดฮิโรเมะ
"ตลาดฮิโรเมะ" เป็นแหล่งรวมอาหารเลิศรสที่ต้องแวะเมื่อมาท่องเที่ยวที่โคจิ รวมร้านค้าประมาณ 60 แห่ง อาหารสุราแสนอร่อยจากท้องถิ่น เช่น อาหารอันเป็นจิตวิญญาณของโคจิ "คัทสึโอะ โนะ ทาทาคิ" สเต็กแฟนตาซี "เนื้อวัวโทะสะอะกะอุชิ" สาเกญี่ปุ่นต่าง ๆ เช่น "สาเก 18 โคจิ" และอาหารจากต่างประเทศอย่างครบครัน ถูกตั้งชื่อว่า "ห้องครัวแห่งโคจิ"
มีที่นั่งรับประทานอาหารมากกว่า 400 ที่ เมื่อฝูงคนมารวมตัว บรรยากาศครึกครื้นอลังการทีเสมือนงานเลี้ยงขนาดใหญ่ จะทำให้เพื่อน ๆ ที่มาครั้งแรกไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี แต่จริง ๆ ก็คล้าย ๆ ก็สตรีทฟู้ดของไต้หวัน ขอให้ทำตามประเด็นต่อไปนี้ ก็สามารถเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของตลาดฮิโรเมะ
❶เลือกโต๊ะนั่งที่เหมาะสมกับจำนวนคน และจำหมายเลขโต๊ะไว้
❷เหลือ 1 คนไว้จองที่นั่ง คนที่เหลือเริ่มซื้ออาหารสุราเลิศรส
❸อาหารเครื่องดื่มที่ซื้อเสร็จแล้ว ให้นำไปรับประทานที่โต๊ะนั่ง
※อาหารบางอย่างใช้เวลานาน ร้านค้าบางร้านจะส่งอาหารไปยังหมายเลขโต๊ะที่กำหนด
❹ดื่มกันยังไม่พอ อยากได้ของหวานหลังมื้ออาหาร? ทำตามขั้นตอนซ้ำ
❺หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น จัดเก็บจานชามและตะเกียบให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะ จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะมาเก็บกวาด (โปรดทิ้งขยะไว้ที่ถังขยะ)
โต๊ะนั่งจะเป็นแบบรวมโต๊ะ มีโอกาสสูงที่จะได้ร่วมโต๊ะกับคนในท้องถิ่นหรือนักท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ เมื่อมีคนมาสนทนาด้วย โปรดแสดงออกถึงความมีน้ำใจ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมเลี้ยงแขกอันเป็นเอกลักษณ์ของโคจิ ไม่เพียงแต่สามารถสัมผัสถึงความเป็นมิตรของคนโคจิแล้ว แม้จะสื่อสารไม่ได้ ก็สามารถร่วมดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อย ชนแก้วซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนข่าวสารในการท่องเที่ยว สัมผัสวาสนาที่มหัศจรรย์ในการพบปะกัน
มีที่นั่งรับประทานอาหารมากกว่า 400 ที่ เมื่อฝูงคนมารวมตัว บรรยากาศครึกครื้นอลังการทีเสมือนงานเลี้ยงขนาดใหญ่ จะทำให้เพื่อน ๆ ที่มาครั้งแรกไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี แต่จริง ๆ ก็คล้าย ๆ ก็สตรีทฟู้ดของไต้หวัน ขอให้ทำตามประเด็นต่อไปนี้ ก็สามารถเพลิดเพลินกับเสน่ห์ของตลาดฮิโรเมะ
❶เลือกโต๊ะนั่งที่เหมาะสมกับจำนวนคน และจำหมายเลขโต๊ะไว้
❷เหลือ 1 คนไว้จองที่นั่ง คนที่เหลือเริ่มซื้ออาหารสุราเลิศรส
❸อาหารเครื่องดื่มที่ซื้อเสร็จแล้ว ให้นำไปรับประทานที่โต๊ะนั่ง
※อาหารบางอย่างใช้เวลานาน ร้านค้าบางร้านจะส่งอาหารไปยังหมายเลขโต๊ะที่กำหนด
❹ดื่มกันยังไม่พอ อยากได้ของหวานหลังมื้ออาหาร? ทำตามขั้นตอนซ้ำ
❺หลังรับประทานอาหารเสร็จสิ้น จัดเก็บจานชามและตะเกียบให้เรียบร้อยและวางไว้บนโต๊ะ จะมีเจ้าหน้าที่เฉพาะมาเก็บกวาด (โปรดทิ้งขยะไว้ที่ถังขยะ)
โต๊ะนั่งจะเป็นแบบรวมโต๊ะ มีโอกาสสูงที่จะได้ร่วมโต๊ะกับคนในท้องถิ่นหรือนักท่องเที่ยวจากที่ต่าง ๆ เมื่อมีคนมาสนทนาด้วย โปรดแสดงออกถึงความมีน้ำใจ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้คือวัฒนธรรมเลี้ยงแขกอันเป็นเอกลักษณ์ของโคจิ ไม่เพียงแต่สามารถสัมผัสถึงความเป็นมิตรของคนโคจิแล้ว แม้จะสื่อสารไม่ได้ ก็สามารถร่วมดื่มด่ำกับอาหารแสนอร่อย ชนแก้วซึ่งกันและกัน แลกเปลี่ยนข่าวสารในการท่องเที่ยว สัมผัสวาสนาที่มหัศจรรย์ในการพบปะกัน
รถยนต์ (ประมาณ 30 นาที)
ท่าอากาศยานโคจิเรียวมะ
เครื่องบิน (1ชม.20 นาที)
ท่าอากาศยานโคจิเรียวมะ
เครื่องบิน (1ชม.20 นาที)
20
วันที่ 5
ท่าอากาศยานฮาเนดะ
จุดหมายปลายทาง