เส้นทางขับรถเลียบมหาสมุทร "คาชิวะจิมะ” ที่ให้วิวทิวทัศน์ราวกับเกาะลัมเปดูซาของอิตาลี

แหลมอะชิซุริคือจุดใต้สุดของชิโกกุที่มีมุมมองโดยรอบ 270 องศาช่วยให้ผู้มาเยี่ยมชมสามารถมองเห็นส่วนโค้งของโลกได้จริงๆ สิ่งที่ตั้งอยู่ตรงขอบของหน้าผานั้นคือประภาคารแหลมอะชิซุริ หนึ่งในประภาคารที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ของแหลมนี้
ที่แหลมนี้ยังมีพืชพันธุ์กึ่งเขตร้อนที่เติบโตอยู่ทั่วแหลมและคามิเลียหลากหลายพันธุ์อยู่มากมาย บริเวณนี้มีพุ่มดอกไม้สีสันสดใสราว 150,000 พุ่มทั่วบริเวณคาบสมุทร ซึ่ง 60,000 พุ่มนั้นขึ้นอยู่รวมกันที่ปลายของแหลมนี้ และช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมพุ่มดอกเหล่านี้ผลิบานอย่างเต็มที่คือในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินยาว 2 กม. เลียบตามชายฝั่งที่พาไปสู่บริเวณชายฝั่งซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินอันเป็นไฮไลต์นี้ แล้วอย่าลืมแวะมาที่วัดคอนโกฟุคุจิ จุดหยุดพักที่ 38 ของเส้นทางแสวงบุญที่วัดทั้ง 88 แห่งของชิโกกุด้วยล่ะ
และใกล้ๆ กันนี้ คุณจะพบกับชายฝั่งทัทสึคุชิและมิโนะโคะชิซึ่งคุณจะสามารถเห็นแนวปะการังและปลาเขตร้อนจากทัวร์เรือท้องกระจกได้

"วัดคงโกฟุกุชิ" เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ 38 ของการจาริกแสวงบุญในชิโกกุ เมื่อประมาณ 1743 ปีก่อน ว่ากันว่า ก่อนที่พระโคโบ ไดชิจะเดินทางกลับจากธุดงในตอนเช้า ได้โยนอุปกรณ์ปฏิบัติธรรม "คงโกโช" ไปทางทิศตะวันออก ซึ่งอุปกรณ์นี้ได้ลอยไปยังแหลมอะชิอุริ จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ "วัดคงโกฟุกุชิ" ภายในมีห้องโถงขนาดใหญ่กว่า 120,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีสวนญี่ปุ่นที่งดงามและเตดีย์ทาโฮโท จนถึงรูปปั้นเต่าไดชิที่ว่ากันว่าหาลูบหัวของมันแล้วจะเกิดโชคดีขึ้นมาให้

สวนสาธารณะทัทสึคุชิไคอิคิซึ่งตั้งอยู่ที่ชายฝั่งทางใต้สุดของจังหวัดโคจินี้คือแหล่งแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับปลาสีสันสวยงามทุกชนิด ไปจนถึงหอยต่างๆ ที่เจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์อยู่ในผืนน้ำซึ่งมีความอุ่นตลอดทั้งปีแห่งนี้ ทัทสึคุชิไคอิคิคือสวนเฉพาะแบบแห่งแรกที่ถูกกำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล
การนั่งเรือท้องกระจกเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่คุณจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตทางทะเลสีสันสดใสใต้ทะเลสีมรกต คุณยังมีโอกาสที่หาได้ยากในการชมความอัศจรรย์ของรายละเอียดและพื้นผิวอันสลับซับซ้อนของกลุ่มแนวปะการังขนาดยักษ์ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่นิ้วจากด้านบนอีกด้วย
โดยสามารถเดินทางด้วยเรือท้องกระจกเป็นเวลา 30 ถึง 50 นาทีไปยังชายฝั่งมิโนะโคะชิ สถานที่ซึ่งคุณจะได้พบกับกลุ่มหินที่ดูราวกับว่าถูกนำมาจากดาวดวงอื่น ลองสัมผัสกับพื้นผิวของหินที่ถูกสลักด้วยลมแรงและคลื่นนับหลายพันปีดูสิ สิ่งนี้จะเป็นประสบการณ์ย้ำเตือนถึงการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้คุณได้ตระหนักถึงพลังของธรรมชาติและความสวยงามของชีวิตบนโลกได้อย่างแน่นอน

จุดชมวิวคันนอนอิวะเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่อยู่ระหว่างการเดินทางไปคาชิวะจิมะ โดยเป็นสาหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีความสูงกว่า 30เมตร โดยได้รับชื่อนี้มาจากการที่ก้อนหินมีรูปร่างคล้ายกับเจ้าแม่กวนอิม จากจุดชมวิวคุณสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพสุดลูกหูลูกตาได้

จุดที่อยู่ระหว่างทางไปคาชิวะจิมะ มีหาดทรายสีขาวทอดยาวและท้องฟ้าใสที่อยู่ไกลออกไปเหมือนกับชื่อชิราฮามะ สถานที่แห่งนี้มีหาดทรายน้ำตื้นที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของชิโกกุซึ่งมีระดับความลึกจากแนวชายฝั่งประมาณ 50 เมตร โดยกิจกรรมในบริเวณนี้ไม่เพียงแต่มี SUP และการพายเรือแคนูที่อยู่ริมชายฝั่งแล้วไกลออกไปยังสามารถแล่นเรือยอทช์ได้อีกด้วย รอบๆ ท่าจอดเรือยังจะเห็นแสงสะท้อนของน้ำเหมือนราวกับว่าเรือลอยอยู่ในอากาศได้

ณ เขตแดนตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดโคจิมีสวรรค์เขตร้อนซึ่งรู้จักกันในชื่อเกาะคาชิวะ น้ำที่นี่ใสจนราวกับว่าเรือต่าง ๆ เหล่านั้นล่องลอยอยู่ในอวกาศ สถานที่แห่งนี้ได้รับการตั้งแต่งให้เป็นอุทยานแห่งชาติอะชิซุริอุวะไก โดยเกาะขนาดเล็กแห่งนี้มีความยาวเพียงแค่ 4 กม. ซึ่งเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยสะพานคาชิวะจิมะ ชินโอฮาชิ
และยังเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่ผู้ชื่นชอบการดำน้ำว่าสามารถพบพันธุ์ปลา 1,000 สายพันธุ์จาก 3,500 สายพันธุ์ที่อาศัยอยู่รอบหมู่เกาะญี่ปุ่นได้ในสายน้ำบริสุทธิ์และตามแนวปะการังรอบเกาะแห่งนี้ นอกจากนี้ที่เกาะนี้ยังมีหาดทรายขาวที่เหมาะสำหรับการว่ายน้ำและเล่นกีฬาทางน้ำประเภทต่าง ๆ และที่บริเวณใกล้กับสะพานของแผ่นดินใหญ่ก็ยังเป็นพื้นที่ตั้งแคมป์ที่เหมาะสำหรับการตั้งแคมป์และทำบาร์บีคิวโดยมีทิวทัศน์เป็นทะเลอันแสนงดงาม
เพื่อให้ทุกคนสามารถเพลิดเพลินไปกับความงามบริสุทธิ์ของเกาะคาชิวะนี้ กรุณาระมัดระวังเกี่ยวกับกฎต่อไปนี้เพื่อรักษาสภาพธรรมชาติให้คงอยู่ต่อไป เราขอให้ผู้ที่มาเที่ยวทุกท่านช่วยเหลือคนท้องถิ่นด้วยการนำขยะของตนเองออกจากเกาะ และจอดรถเฉพาะในจุดที่กำหนดไว้สำหรับเป็นที่จอดเท่านั้น ด้วยความร่วมมือกันนี้เราจะสามารถรักษาเกาะคาชิวะไว้ให้กับคนรุ่นหลังต่อไปได้