เมืองมุโรโตะอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดโคจิ ตั้งอยู่บริเวณแหลมมุโรโตะที่ยื่นออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากผ่านการระเบิดของภูเขาไฟและการกัดเซาะของลมกับน้ำทะเลมานานหลายปี ก็ได้รังสรรค์ขึ้นเป็นทัศนียภาพทางธรรมชาติอันมีเอกลักษณ์ และด้วยเหตุนี้จึงได้รับการรับรองให้เป็น "อุทยานธรณีโลก" นอกจากจะได้เห็นรูปร่างของชั้นหินที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและพืชกึ่งเขตร้อนที่งอกงามอย่างอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังได้ค้นพบร่องรอยฟอสซิลของสิ่งมีชีวิตในทะเลสมัยดึกดำบรรพ์จากโครงสร้างทางธรณีวิทยาเหล่านี้ ไปจนถึงสัมผัสการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของพื้นโลกได้อีกด้วย
ทัศนียภาพบริเวณแหลมทะเลไม่เพียงแต่กว้างใหญ่ไพศาล ยามพระอาทิตย์ขึ้นและตกยังงดงามจนแทบลืมหายใจ ยากที่จะลืมเลือนได้ มิตรสหายผู้ชื่นชอบทิวทัศน์ธรรมชาติ สามารถเช่ารถจากเมืองโคจิและขับมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 55 เพื่อมาท่องเที่ยวชมวิวยังชายฝั่งทะเลตะวันออกของโคจิสักครั้ง!
ระหว่างทางจากเขตเมืองโคจิไปตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกของโคจิที่มุ่งหน้าสู่แหลมมุโรโตะ จะผ่านเมืองอากิ บ้านเกิดของอิวาซากิ ยาทาโร่ ที่นี่มี "
ถ้ำอิโอกิ" ซึ่งเป็นถ้ำทะเลทางธรรมชาติที่เกิดจากการยกตัวของแผ่นดินอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกเมื่อ 3 ล้านปีก่อน และถูกคลื่นทะเลกัดกร่อนเป็นเวลายาวนาน เมื่อผ่านเข้าไปในถ้ำจะเสมือนได้เข้าไปในป่าของเจ้าหญิงโมะโนะโนะเกะ พืชกลุ่มเฟิร์นซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมีมากถึง 40 กว่าสายพันธุ์ มากพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นสารานุกรมพืชกลุ่มเฟิร์นเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้จึงได้ขึ้นทะเบียนเป็น "อนุสาวรีย์ธรรมชาติแห่งชาติ" แนะนำให้วางที่นี่ให้เป็นจุดแวะพักระหว่างทาง เพื่อดูดซับไฟทอนไซด์ธรรมชาติและสัมผัสกลิ่นอายธรรมชาติเมื่อล้านปีก่อน
ขับต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 55 ที่มุ่งหน้าสู่ตะวันออกอีกประมาณ 9 นาที จะมองเห็น "พื้นที่พักผ่อนโทโนะฮามะ" สิ่งปลูกสร้างสีขาวสไตล์ยุโรปอยู่ข้างทาง เป็นพื้นที่พักผ่อนสไตล์ยุโรปที่สร้างขึ้นโดยใช้ภาพลักษณ์แบบเมืองพี่เมืองน้องอย่าง "สเปน- มอนเตฟริโอ" ด้วยภายนอกมีสีขาวราวหิมะและตั้งอยู่ด้านหน้าของมหาสมุทรแปซิฟิกสีครามจึงค่อนข้างดูโดดเด่นสะดุดตา นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงใน IG ในช่วงที่ผ่านมานี้อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะมีศาลาและม้านั่งให้ชมหาดทรายกับมหาสมุทรแล้ว ยังมีห้องน้ำที่สะอาดและสะดวกสบายไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย แนะนำให้มาพักที่นี่สักครู่ ให้ความเหนื่อยล้าจากการขับรถทางไกลมลายหายไปกับทัศนียภาพอันงดงามนี้
เมื่อพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว เดินทางต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 55 ไปยังเส้นตะวันออกเดิมอีกประมาณ 40 นาที ก็จะถึงเมืองมุโรโตะ ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่จับปลาชั้นยอดอย่าง "ปลาคินเมะได" ได้มากเป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่นตะวันตก อาหารอย่าง "ข้าวหน้าปลาคินเมะได" ก็เป็นอาหารชั้นเลิศที่มาแล้วต้องทานให้ได้ ขอแนะนำร้าน "
เรียวเท คาเก็ทสึ" ที่อยู่ข้างท่าเรือโทะสะมุโรสึ ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดกิจการมาตั้งแต่ยุคไทโชปีที่ 14 (พ.ศ.2468) และลิ้มลอง "อาหารจากปลาคินเมะได" รสเลิศที่สืบทอดกันมาเกือบร้อยปีเพื่อเป็นการเติมพลังชีวิต
อิ่มหนำสำราญแล้วจึงค่อยออกเดินทางต่อ ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 55 และมุ่งหน้าไปทางตะวันออกประมาณ 10 นาที "
แหลมมุโรโตะ" จุดหมายปลายทางของคุณจะอยู่ทางด้านขวามือ นอกจากจะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามระดับโลกด้วยตาคุณเองแล้ว ใกล้กันยังมี "วัดโฮสึมิซาคิจิ" เฮนจิชิโกกุลำดับที่ 24 และจุดรับพลังอย่าง "
ถ้ำมิคุโรโดะ" เลียบไปตาม SKY LINE มุโรโตะขึ้นไปทางยอดเขา ยังมี "ประภาคารแหลมมุโรโตะ" รวมถึงหอคอยที่สามารถชมทัศนียภาพอันงดงามได้กว้างไกลขึ้น แนะนำสำหรับมิตรสหายทั้งหลายที่ชื่นชอบการรับลมชมธรรมชาติ