"ผลสำรวจความน่าดึงดูดของอาหารท้องถิ่น" ความลับที่ได้ดำเนินการจัดแรงกิ้งมาติดต่อกันหลายปี สินค้าสุดพิเศษและอาหารท้องถิ่นที่ห้ามพลาดของจังหวัดโคจิ

จังหวัดโคจิที่หันหน้าออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกและมีเทือกเขาชิโกกุอยู๋เบื้องหลัง กว่า 84% ของพื้นที่ของจังหวัดปกคลุมด้วยป่า ที่ถูกหล่อเลี้ยวด้วยลำธารใสสะอาดนับไม่ถ้วน ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้เป็นขุมทรัพย์ของธรรมชาติ ที่นีเป็นแหล่งผลิตเหล้าโทสะสาเกคุณภาพสูงจนได้รับการขนานนามว่าอาณาจักรแห่งสุรา ยิ่งไปกว่านั้นด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณฺ์ได้ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมด้านการเกษตรและพืชสวนมีชื่อเสี่ยงในระดับประเทศ นอกจากความเป็นผู้นำด้านผู้ผลิตสินค้าเกษตรแล้ว ยังมีการพัฒนาเทคนิคการเพาะหปลูกของตนเองให้กลายเป็น "ประเทศแห่งการเกษตร" และ "อาณาจักรแห่งการเกษตรกรรม" ที่คุณจะสามารถรับประกันความสดใสได้หากผลิตจากโคจิ

"ฟรุตซ์โทมาโท่" มะเขือเทศที่ใช้วิธีเพาะปลูกสุดแสนอัศจรรย์จากโคจิ - "ออมุไรซ์" จากฮิดากะ

"ฟรุตซ์โทมาโท่" นั้นอันที่จริงไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ของมะเขือเทศ แต่เป็นวิธีการเพาะปลูกมะเขือเทศของจังหวัดโคจิที่มีต้นกำเนิดในปี ค.ศ. 1970 ในปีนั้นเองได้มีพายุไต้ฝุ่นพัดพาน้ำทะเลเข้ามาท่วมบริเวณชายฝั่งที่มีสวนมะเขือเทศอยู๋ ซึ่งทำให้มีปริมาณเกลือหลงเหลืออยู่ในดินเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ในปีนั้นสามารถเก็บผลผลิตของมะเขือเทศได้เพียงเล็กน้อย ทว่า เกษตรกรที่เพาะปลูกได้ค้นพบเคล็ดลับการปลูกมะเขือเทศได้โดยบังเอิญ เนื่องจากมะเขือเทศที่เก็บจากสภาพแวดล้อมเช่นนี้มีปริมาณน้ำตาลสูงผิดปกติ จึงทำให้เกษตรกรได้นำแนวคิดนี้มาปรับปรุงการปลูกมะเขือเทศ โดยการควบคุมปริมาณการดูดซับของน้ำและความเค็มของดินให้เหมาะสม ซึ่งส่งผลให้มะเขือเทศที่ปลูกได้นั้นมีปริมาณน้ำตาลเช่นเดียวกับผลไม้ และนี่คือวิธีการพัฒนา "การปลูกฟรุตซ์โทม่าโท่" ในปัจจุบัน

ต่อมา เกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ ของจังหวัดก็ได้เริ่มพัฒนาแบรนด์ของตนเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "ชูการ์โทมาโท่" จาก "ฮิดากะ" ที่อยู่ในลุ่มแม่น้ำนิโยโดนะนั้นมีชื่้อเสียงมากที่สุด ในปี ค.ศ. 2014 ผู้ใหญ่บ้านฮิดากะได้มีแนวคิดว่า "อาหารอร่อยทำให้คนมารวมตัวกัน" เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาหารท้องถิ่น จึงได้ร่วมกับร้านอาหารในท้องถิ่นในการใช้ชูการ์โทมาโท่พัฒนาโครงการ "ถนนออมุไรซ์" ที่อร่อยและไม่เหมือนใครในประเทศญี่ปุ่น จนประสบความสำเร็จในการดึงดูความสนใจจากผู้คนและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากทั้งจากในและต่างประเทศมาลิ้มลองอาหารที่นี่ จนกลายเป็นแนวคิดของการพัฒนาหมู่บ้านที่น่าอัศจรรย์

โครงการ "ถนนออมุไรซ์" มีร้านอาหารที่เข้าร่วมทั้งหมด 8 ร้าน ซึ่งร้านค้าที่กองบรรณาธิการแนะนำอยู่ด้านล่าง อย่าลืมเช็คกันนะ !

เมนูขึ้นชื่อ "นันโคคุ โทสะ โนะ ออมุไรซ์" ของภัตตาคารโคจิ เป็นเมนูที่ไม่เพียงแต่ใช้มะเขือเทศในท้องถิ่นแต่ยังใช้ "คัตสึโอะ" ปลาที่เป็นเหมือนอาหารแห่งจิตวิญญาณของชาวโคจิอีกด้วย การผสมผสานของวัตถุดิบทั้ง 2 ชนิดนี้ส่งผลให้ออมุไรซ์จานี้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ ใน "การแข่งขันระดับชาติออมุไรซ์ สเตเดี้ยม" และ "รางวัลแห่งท้องถิ่น" และอีก 2 รางวัลด้วย ออมุไรซ์จานนี้จะเสิร์ฟบนภาชนะดิบเผาร้อนๆ และนำมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ บนจานจะประกอบไปด้วยข้าวผัดมะเขือเทศที่หวานฉ่ำ และมีไข่ออมเล็ทนุ่มฟูว่างอยู่บ้านบน และเสิร์ฟคู่กับ ปลาคัตสึโอะ ฟิลเล่ย์ ที่ปรุงรสด้วยขิงและยูซุ ที่มาพร้อมกับผักในท้องถิ่น ด้วยรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว และรสชาติที่เข้มข้นรวมทั้งความอุมามิของปลาคัตสึโอะจึงทำให้เป็นอาหารอีกหนึ่งจานที่ไม่ควรพลาด

ที่ "สถานทีหมู่บ้านฮิดากะ" คุณสามรถเลือกซื้อสินค้ายอดนิดยมมากมายรวมถึงชูการ์โทเมโท่สดใหม่ และยังสามารถรับประทานอาหารได้ที่ศูนย์อาหาร "โทมาโท่ สแตนด์" รวมถึงคาฟ่ของท้องถิ่นอย่าง "มูระคาเฟ่ ฮิดากะ" ที่เปิดมาอย่างยาวนานได้อีกด้วย ใน "โทมาโท่ สแตนด์" ได้มีออมุไรซ์สุดแสนอร่อยหลายชนิด ซึ่งหากใครที่ไม่สามารถเลือกเมนูถูกใจได้ เราขอแนะนำ "โทมาโท่ออมรุไรซ์" แต่ถ้าอยากได้รสชาติที่เข้มข้นไปกว่านั้นเราแนะนำให้ลอง "โทมาโท่ชีส ออมุไรซ์" ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างข้าวผัดมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศเข้มข้นแบบโฮมเมดแล้วห่อด้วยไข่อบ เสิร์ฟพร้อมกับซอสมะเขือเทศ ชีสย่างและมะเขือเทศเพื่อกระตุ้นต่อมรับรสของคุณ "มุระคาเฟ่ ฮิดากะ" เสิร์ฟออมุไรซ์ ที่ใช้โทมาโท่พิวเร่ย์และซอสเดมิเกลซที่ให้รสชาติชวนคิดถึง และสามารถสั่งแฮมเบอร์เกอร์เพิ่มได้หากคุณคิดว่ายังอยากได้อะไรที่ทำให้อยู่ท้องอีก

ร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการนี้ไม่เพียงแต่มีออมุไรซ์สุดแสนอร่อยเท่านั้นแต่ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละร้านอีกด้วย หากคุณเป็นคนที่ชอบออมุไรซ์มาลองชิมเทียบกันและหาเมนูออมุไรซ์ในดวงใจของคุณกันได้เลย !

"กุยช่ายโคน้น" ที่ผลิตได้มากที่สุดของญี่ปุ่น - "ยากิโซบะกุยช่ายโคนัน และ เกี้ยวซ่ากุยช่าย"

เมืองโคนัน เป็นเมืองเกษตกรรมที่สำคัญที่สุดของจังหวัดโคจิ ซึ่งสามารถผลิตพืชผลได้มากที่สุดของญี่ปุ่นหลายอย่าง และ "กุยช่ายโคนัน" ก็เป็นหนึ่งในนั้น และได้ถือกำเนิดเมนูเกรดบีอย่าง "ยากิโซบะกุยช่าย" และ "เกี้ยวซ่ากุยช่าย" จนกลายเป็นอาหารประจำท้องถิ่นของโคจิที่คุณไม่ควรพลาด

"กุยช่ายโคนัน" จะสามารถปลูกกลางแจ้งได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจนถึงต้นฤดูร้อน และมาปลูกในเรือนกระจกในช่วงเวลาอื่นๆ ได้ตลอดทั้งปี ด้วยการผสมผสานกรรมวิธีการปลูกทั้ง 2 ประเภทเข้าด้วยกันทำให้สามารถผลิตกุยช่ายโคนันให้มีปริมาณเพียงพอที่จะจัดส่งได้ตลอดทั้งปี ส่งผลให้เราเป็นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นทั้งในด้านของประมาณการผลิตและการจัดส่งที่ขายดีทั่วประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากความหนานุ่มของใบ กลิ่นหอมและความหวาที่ไม่แพกับผลไม้เลย นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยอัลลิซินซึ่งช่วยดูดซับวิตามิน และเบต้าแคโรทีนที่มีสรรพคุณช่วยคลายความเหนื่อยล้า ฟอกเลือด และป้องกันภาวะเลือดแข็งตัวและลดความชราภาพได้ ถือว่าเป็นวัตถุดิบเพื่อสุขภาพที่ทั้งอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง

กองบรรณาธิการขอแนะนำร้านค้ายอดนิยม 2 ร้านที่ขายอาหารท้องถิ่นอย่าง "ยากิโซบะกุยช่ายโคนัน" และ "เกี้ยวซ่ากุยช่าย" อย่าลืมไปลองชิมดูนะ !

"ยากิโซบะกุยช่ายโคนัน" ของร้าน "ฮิโรซุยยะ" ใช้กุยช่ายที่หนากรอบและชุ่มฉ่ำเป็นจำนวนมาก ผสมกับซอสเกล่ือสูตรพิเศษที่ช่วยดึงความหวานของกุยช่ายออกมาได้ และนำมาผัดกับเนื้อหมู่นุ่มๆ กับเส้นที่หนุบหนับ เมื่อทานเข้าไปจะพบกับความอร่อยที่กระจายอยู่ทั่วทั้งปากเป็นอาหารที่ให้ความกระปรี้กระเป่าเป็นอย่างดี

”เกี้ยวกุยช่าย”ของร้าน ”โทสะ โอะ โชเท็น” ทำขึ้นมาจากการผสมกุยช่ายเข้ากับเนื้อไก่และกะหล่ำปลีจำนวนมาก รวมทั้งเติมคอลาเจนที่ได้จากปีกไก่ด้วย ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่รักสุขภาพ และชุ่มฉ่ำ แต่ยังดีต่อผิวพรรณด้วยเนื่องตามอัดแน่นไปด้วยคอลาเจน หากได้เบียร์ซักแก้วมาทานด้วยกันจะทำให้อร่อยจนหยุดทานไม่ได้เลย

"ชาโทสะ" ชาคุณภาพสูงที่ดื่มกันในหมู๋ขุนนางในสมัยเอโดะ ー "ขนมชา และ เบียร์ชา"

จังหวัดโคจิไม่เพียงแต่เป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเฉพาะผักและผลไม้เท่านั้น ชาโทสะ เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของทางโคจิที่ได้ถูกเสนอต่อขุนนางในยุคสมัยเอโดะ และยังได้รับคำชมจากผู็ชื่นชื่นชมอบชาจนไปถึงปรมาจรย์ด้านใบชามาจนถึงปัจจุบัน

ชาโทสะของจังหวัดโคจิประกอบไปด้วย "ชาสึโนะ" จากเมืองสึโนะที่ตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำขิมันโต และ "ชาซาวาตาริ" ที่ผลิตจากเมืองนิโยโดกาวะซึ่งตั้งอยู๋ใจกลางของเทือกเขาชิโกกุ ใบชาของที่นี่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยน้ำจากลำธารที่ใสสะอาดมีคุณภาพสูง ซึ่งไม่เพียงแค่จะให้รสชาติของชาที่เป็นเลิศ แต่ยังสามารถผสมผสานกับอาหารคาวหวาน จนเกิดเป็นไอเดียใหม่ๆ ได้ไมใรู้จับตั้งแต่ ของหวานที่มีชาผสม ของว่าง จนถึงไปเบียร์ ดังนั้นเราจึงอยากแนะนำร้านที่คุณไม่ควรพลาดกัน

"ร้านของชาวสวนชา ASUNARO (茶農家の店あすなろ)"ตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำนิโยโดะ เป็นคต่าเฟ่ที่ดูแลโดยตรงโดยคู่สามีภรรยาผู้ปลูกชาเองเป็นรุ่นที่ 2 ซึ่งปลูก "ชาซาวาตาริ" และใช้เป็นธีมในการออกแบบคาเฟ่จากผู้ปลูกและเลี้ยงต้นชาจริงๆ ในขณะนี้ทางร้านกำลังรังสรรค์เมนูชาโฮมเมดแบบฉบับของทานร้านอยู่ หากมาทานอาหารกลางวันเราขอแนะนำเมนู อาสุนาโระโกเซ็น อุด้งโกเซ็น และแซนวิซร้อน ที่ทางร้านมีให้บริการ ขนมหวานประกอบไปด้วย ซอฟต์ครีมชาเขียว วัฟเฟิ้ล และเครื่องดื่มต่างๆ คอยให้บริการ และชาซาวาตาริที่บลูมในน้ำร้อนง่ายๆ คอยให้คุณมาสัมผัสกับรสชาติความอร่อยของชาที่เปรียบเสมือนอัญมณีของผู้ที่รักในชา

"มันเต็น โนะ โฮชิ" ร้านขนมชื่อดังที่ใช้ชาทซึโนะ ตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำชิมันโต ที่นี่ขนมที่ใช้โฮจิฉะล้วนได้รับความนิยมทั้งสิ้น เมนูยอดนิยมคือ "มันเต็น โนะ โฮชิ ไดฟุกุ" เป็นขนมโมจิที่ได้ผสมกับโฮจิฉะอย่างลงตัว และได้รสชาติหวานๆ ของถั่วแดงกวนและครียมมาช่วยเสริมความอร่อยจนกลายเป็นของฝากยอดนิยมจากโคจิ นอกจากนี้ยังมี "เค้กโรลโฮจิฉะ"และ "ซอฟต์ครีมโฮจิฉะ" รวมถึงเมนูอื่นๆ ที่คุณไม่ควรพลาด

"เบียร์ทซึโนะยามะ" ที่ใช้ใบชาทซึโนะเช่นเดียวกันนั้น ได้มีการผสมผงชาที่ผลิตในเมืองทซึโนยะเข้ามาเบียร์ ทำให้ได้กลิ่นที่เข้ากันโดยบังเอิญกับเบียร์ และดื่มได้ง่ายขึ้น มีจัดจำหน่ายในร้านค้าหลายแห่งในจังหวัดโคจิ อย่าลืมลองหามาลิ้มลองกันหากคุณได้มีโอกาสมาเยือนโคจิ

"มงบล็อง & โชจู" แบรนด์เกาลัดที่เติบโตมาด้วยพรจากแม่น้ำชิมันโต

แม่น้ำชิมันโต แม่น้ำใสสายสุดท้ายของประเทศญี่ปุ่น ไม่เพียงเป็นแค่แหล่งผลิตชาสึโนะที่บริเวณต้นน้ำเท่านั้น แต่ยังผลิตเกาลัดชิมันขนาดใหญ่รสหวานที่ต้นน้ำด้วยเช่นกัน ในบริเวณท้องถิ่นจะเรียกว่า "เกาลัดชิมันโต" โดยเฉลี่ยแล้วเกาลัดหนึ่งลูกจะมีน้ำหนักประมาณ 18 กรัม แต่เกาลัดชิมันโตจะมีน้ำหนักต่อลูกมากกว่า 25 กรัม โดยลูกที่ปลูกภายใต้เทคนิคที่พัฒนาขึ้นในท้องถิ่นและได้ชื่อว่า "เกาลัดคัดพิเศษ" เคยมีการบันทึกค่าว่าลูกที่ใหญ่ที่สุดมีน้ำหนักมากถึง 73 กรัม ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าเกาลัดทั่วไปหลายเท่า ความพิเศษของเกาลัดที่นี่ไม่ได้มีแต่ความใหญ่เท่านั้นที่น่าทึ่ง แต่เกาลัดชิมันโตยังมีปริมาณน้ำตาลสูงกว่าเกือบ 20 เปอร์เซนต์อีกด้วย ทำให้ขนมและเครื่องดื่มที่ทำจากเกาลัดชิมันโตจะมีความอร่อยอย่างแน่นอน

"ร้านกาแฟโอชาคุริชิมันโตะ (Shimantoおちゃくりcafé)" ซึ่งตั้งอยู่ในสถานีริมทางชิมันโตโทวะ เป็นคาเฟ่ที่คุณจะได้ลิ้มรสเกาลัดที่ถูกปลูกบริเวณลุ่มน้ำชิมันโตยี่ห้อ ”ชิมันโตจิกุริ” พร้อมกับเต็มอิ่มกับทัศนียภาพของแม่น้ำชิมันโต เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านคือ ”ชิโบริทาเทะ มงบล๊อง” ที่ใช้ครีมมงบล็องซึ่งทำจากเกาลัดของชิมันโตเป็นส่วนประกอบหลัก จะให้รสชาติหอมหวานและละมุนลิ้มจนคุณไม่มีวันลืม ที่ร้านยังมีเมนู ”จิกุริ เฟรนด์ ทาเบะคุราเบะ” ซึ่งนำเกาลัดชิมันโตมาให้คุณได้เปรียบเทียบความแตกต่างกับเกาลัดของจังหวัดอื่นๆ ที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินของรสชาติเกาลัดได้อย่างเต็มที่

นอกจากมงบล็องแสนอร่อยแล้ว เหล้าสาเกญี่ปุ่นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ "มุเทะมุกะ" เป็น 1 ใน 18 โรงกลั่นสาเกโทสะ ที่ตั้่งอยู่บริเวณชิมันโต ที่นี่มีการจำหน่าย "คุริ โชจู" ชูจูที่ทำจากเกาลัดซึ่งผลิตได้ในประเทศรวมถึงที่ชินมันโต และมีการจัดจำหน่ายแบรนด์ยอดนิยมอย่าง "ดาบะดาฮิบุริ" วัตถุดิบที่ใช้มีเกาลัดที่ผลิตในประเทศ 50% แป้งสาลี 25% และข้าวและมอลต์จากข้าว 25% ซึ่งทำการกลั่นอย่างข้าๆ ที่อุณหภูมิต่ำเพื่อเก็บกลิ่นหอมของเกาลัด เมื่อลิ้มรสชาติคุณจะได้กลิ่นหอมจางๆ ของเกาลัดและความหวานละมุนกระจายอยู่ในปาก เราแนะนำให้ดื่มแบบ ออนเดอะร็อค ผสมน้ำ หรือ ผสมน้ำร้อน นอกจากนี้ยังมี "ดาบาดะ โรเซ่" เหล้าที่ทำการแช่มันม่วงลงในเหล้าดาบาดะฮิบุริ ซึ่งให้กลิ่นหอมและความหวานของเกาลัดแบบต้นตำรับและมีความหวานจางๆ ของมันม่วง รวมถึงสีของเหล้าที่ถูกย้อมให้เป็นสีเหมือนดอกกุหลาบ นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมายรอให้นักท่องเที่ยวที่ชอบเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แวะเวียนมาชิมโชจูเกาลัดและเหล้าชนิดอื่นๆ